ศาลยุติธรรม พบเคสพกมีดคัตเตอร์-มีกพับเข้าศาลอีก 3 แห่ง
ศาลตั้งคดีละเมิดอำนาจ มีโทษทั้งจำคุก-รอลงอาญา-ปรับ "โฆษกศาล" ชี้มาตรการเข้ม รปภ.ตื่นตัว ช่วยพบเหตุรายวันป้องกันทันท่วงที พร้อมย้ำเตือน ปชช. ปฏิบัติตามห้ามพกอาวุธขึ้นศาล
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงข้อมูลการตรวจค้นอาวุธเข้มงวดตามมาตรรักษาความปลอดภัยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้รับรายงานจากศาลจังหวัดชัยนาทว่าเจ้าหน้าที่ รปภ.ของศาล ได้ควบคุมตัวนายณรงค์พล ชาติรังสรรค์ พกพาอาวุธมีดคัทเตอร์ เข้ามาในบริเวณศาล โดยจากการสอบถามนายณรงค์พลให้การยอมรับ ก็ได้ตั้งสำนวนละเมิดอำนาจศาล ซึ่งการไต่สวนศาลพิเคราะห์รายงาน ผอ.ประจำศาล ประกอบคำรับสารภาพของนายณรงค์พลแล้ว เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1) ให้จำคุก 1 เดือน รับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุกเป็นเวลา 15 วัน ขณะที่ศาลให้เปลี่ยนโทษจำคุก เป็นกักขังแทน 15 วัน
ขณะที่วานนี้ (20 พ.ย.) ได้รับรายงาน จากศาลจังหวัดอุทัยธานีว่า เจ้าหน้าที่ รปภ.ได้ตรวจพบอาวุธมีดพก จากจากโจทก์คดีบุกรุกและขับไล่ กับนายประกันอาชีพที่มาศาล รวม 3 ราย ซึ่งได้ตั้งสำนวนคดีละเมิดอำนาจศาลแล้วเช่นกัน ซึ่งศาลพิพากษาจำคุก นายสมพร เพ็งเมือง เป็นเวลา 15 วันพร้อมปรับ 500 บาท , นางอุไร พัฒนพันธ์ จำคุก 10 วันพร้อมปรับ 500 บาท และนายพงศ์พัทธ์ สิงห์เถื่อน จำคุก 20 วันพร้อมปรับ 500 บาท ซึ่งทั้งสามศาลก็ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ขณะเดียวกันก็ให้ผอ.ประจำศาลทำหนังสือร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการพกพาอาวุธด้วยโดยเบื้องต้นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุทัยธานี ได้รายงานให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 รับทราบเหตุการณ์แล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกศาล ที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำจุดตรวจอาวุธหน้าอาคาร ศาลแขวงพิษณุโลกว่าได้ตรวจพบอาวุธมีดพับในกระเป๋าของนายสมชิด ชำนิจ จำเลยในคดีอาญาที่เดินทางมารายงานตัว ที่ครบกำหนดเวลาขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา (คดีหมายเลขแดง 2130 /2561) เจ้าหน้าที่ รปภ.จึงได้ควบคุมตัวส่งให้ ผอ.ประจำศาลฯ ตั้งสำนวนคดีละเมิดอำนาจศาล ซึ่งศาลแขวงพิษณุโลก พิพากษาลงโทษจำคุก 5 วัน และปรับ 250 บาท โดยจำคุกให้โทษรอลงอาญากำหนด 1 ปี
ทั้งนี้ นายสุริยัณห์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวตอนท้ายว่า ในช่วงหลังที่มีข่าวการจับกุม เหตุพกอาวุธและสิ่งของต้องห้าม เข้าในบริเวณศาล ได้บ่อยครั้งเนื่องจากเจ้าหน้าที่มีความตื่นตัวต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กำชับมาตรการรักษาความปลอดภัย และให้รายงานเหตุมายังส่วนกลางด้วยความรวดเร็วฉับไว
ได้เน้นย้ำไปว่าหากเป็นเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนให้ทุกศาล รีบรายงานโดยยังไม่ต้องคำนึงถึงแบบแผนการรายงานเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้มีเวลาทันท่วงทีในการแก้ไขปัญหาและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยรายงานตามระเบียบต่อไป โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวและว่า อยากฝากย้ำถึงประชาชนที่เดินทางมาติดต่อราชการศาลด้วยว่า ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบของศาล อย่าพกอาวุธหรือสิ่งของต้องห้ามมา เพราะหากตรวจพบเจอ ก็อาจจะโดนคดีละเมิดอำนาจศาล และข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับจากที่เกิดเหตุการณ์คู่ความพกอาวุธปืนยิงอีกฝ่ายในศาลจังหวัดจันทบุรีจนมีผู้เสียชีวิต 3 รายและผู้บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อต้นเดือน พ.ย.62 กระทั่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ต้องวางมาตรการความปลอดภัยยกระดับความเข้มงวดขึ้น และมีหนังสือคำสั่งแจงถึงหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ในศาลยุติธรรม และประชุมกำชับการปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด นับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ (20 พ.ย.) ก็มีการรายงานจากศาลในหลายพื้นที่ รวม 7 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำศาลที่ปฏิบัติหน้าเข้มงวดด้วยความตื่นตัวดูแลป้องกันอาคารและทรัพย์สิน ได้ตรวจพบเหตุผู้ที่เดินทางมาศาลติดต่อคดี นายประกันและทนายความ พกพาอาวุธมีดพับ-อาวุธปืน