รวบแล้ว 'เจ๊แดง' หลอกลงทุนซื้อโควต้าล็อตเตอรี่ 100 ล้าน
ตร.ขอนแก่น นำหมายศาลเข้าจับกุม "เจ๊แดง" หญิงขาพิการหลอกลวงชาวบ้านอื้อ ร่วมลงทุนซื้อโควต้าล็อตเตอรี่ อ้างมีโควต้าคนพิการจำนวนมาก หลังจับกุมพบมีเงินในบัญชีเพียง 65 บาท เตรียมประสาน ป.ป.ง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 พ.ย.62 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อมตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น
ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.สุพักตร์ ประทุมมา หรือ เจ้แดง อายุ 47 ปี ชาว ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดชุมแพ จ.ขอนแก่น ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และกู้เงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยมีกลุ่มผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 10 ราย เดินทางมาร่วมรับฟังการแถลงการจับกุม
หลังจากเมื่อวันที่ 20 พ.ย.62 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 คน ได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สีชมพู เพื่อเอาผิดกับเจ้แดง ที่หลอกลวงชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อโควต้าล็อตเตอรี่ โดยผู้ร่วมลงทุนไม่ต้องเดินขายเอง และจะได้รับเงินปันผลให้เดือนละ 2 งวด จำนวน 10 % ของเงินลงทุน โดยขั้นต่ำคือลงทุน 5 เล่ม เป็นเงิน 35,200 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลงวดละ 3,500 บาท ซึ่งที่ผ่านมามีชาวบ้านหลงเชื่อและร่วมลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าได้รับเงินปันผลจริง
พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นและชุดสืบสวน สภ.สีชมพู ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่าเจ้แดง อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ก่อนจะเดินทางไปแสดงตัวและจับกุมเจ้แดงได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
จากการสอบสวนเบื้องต้น เจ้แดงให้การรับสารภาพว่า ได้ประกอบอาชีพขายล็อตเตอรี่มากว่า 30 ปี โดยได้โควต้าของคนพิการ จำนวน 5 เล่ม และได้จากการจองผ่านตู้ ATM อีก 5 เล่ม รวมเป็น 10 เล่มเท่านั้น ก่อนได้เริ่มหลอกชาวบ้านให้มาร่วมลงทุนมาตั้งแต่ปี 2561 โดยเริ่มจากการชักชวนญาติสนิทก่อน ส่วนวิธีการบริหารเงินจะใช้วิธีการเอาเงินลงทุนของผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ส่วนหนึ่งมาจ่ายเป็นเงินปันผลกำไรให้กับผู้ร่วมลงทุนรายเก่า ซึ่งในช่วงแรกสามารถบริหารจัดการได้ตามรอบเนื่องจากมีผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ๆเข้ามาจำนวนมาก กระทั่งเข้าสู่ช่วงปี 2562 ที่ผู้ร่วมลงทุนน้อยลง ทำให้เริ่มมีปัญหาในการนำเงินมาปันผล เนื่องจากเงินเริ่มไม่พอ จนต้องขายฝากบ้านกับนายทุน ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า เงินของผู้ร่วมลงทุนถูกโอนเข้าบัญชีของเจ้แดง และในวันเข้าจับกุมพบว่าเหลือเงินในบัญชีเพียง 65 บาท
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวอีกว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด พร้อมกับประสาน ป.ป.ง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าเงินลงทุนที่ผู้เสียหายนำมาร่วมลงทุน รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาท ว่ามีการโยกย้ายหรือซุกซ่อนไว้ที่ใดหรือไม่ หรือ มีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่ แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การว่านำเงินมาบริหารจัดการเองจนเกิดปัญหาบริหารเงินไม่ได้ตามข้อกล่าวอ้าง ซึ่งในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจังหวัดขอนแก่นที่มีผู้เสียหายแล้ว ยังมีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ด้วย
ด้านนายดำรง ตัวแทนผูเสียหาย กล่าวว่า แม้ขณะนี้จะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว แต่ตนเองและชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ยังเป็นกังวลใจ เนื่องจากเงินที่ลงทุนไปมีจำนวนมาก โดยไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนมาหรือไม่ เพราะเงินที่นำมาลงทุนได้มาจากการกู้ยืม ตอนนี้ตนเองกังวลใจไม่รู้ว่าจะนำเงินที่ไหนไปจ่ายให้กับบริษัทที่ตนกู้ยืมมา และการตกเป็นเหยื่อครั้งนี้ ยอมรับว่า เกิดจากความเชื่อใจว่าจะได้รับเงินปันผล เพราะในงวดแรกที่ตนลงทุนไปก็ได้เงินปันผลจริง จึงหาเงินมาลงทุนมากขึ้น