เลื่อนตัดสินคดี 'เบญจา' อดีตรมช.คลัง ช่วย 'โอ๊ค-เอม' เลี่ยงภาษีหุ้นชิน
"เบญจา หลุยเจริญ" อดีตรมช.คลัง คลายวิตก! เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีช่วย "โอ๊ค-เอม" เลี่ยงภาษีขายหุ้นชินฯ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย นัดอีกครั้ง 26 ธ.ค. 2562
เมื่อเวลา 11.20 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง จำเลยที่1-5 ได้แก่ 1.นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2.น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, 3.น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, 4.นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ จำเลยที่5 คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ วินิจฉัยว่านายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา ชินวัตร ไม่ต้องเสียภาษีอากร กรณีซื้อหุ้นชินคอร์ปฯ เมื่อปี 2549 คนละ 164 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาหุ้นในตลาด ขณะนั้น 49.25 บาท ทั้งที่ข้อเท็จจริง นายพานทองแท้ นางสาวพินทองทา ถือเป็น ผู้ได้รับเงินพึงประเมินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ต้องนำส่วนต่างราคาหุ้นคนละ 7,941.95 ล้านบาท ชำระสรรพากร การกระทำดังกล่าว ทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และ ราชการเสียหาย วันนี้จำเลยที่ 1-4 และ นายประกันมาครบ
ส่วน น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ จำเลยที่ 5 ไม่เดินทางมาศาล ส่งนายประกัน เขาฟังคำพิพากษายื่น ใบรับรองเเพทย์ และ พร้อมคำร้องขอให้เลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากมีอาการป่วย เวียนศรีษะ คลื่นใส้ บ้านหมุน พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม9 ระหว่างวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2562 ศาลพิเคราะห์ตามใบรับรองเเพทย์ มีเหตุอันเชื่อได้ว่าเจ็ปป่วยจริง มีเหตุอันสมควรจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 26 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00 น.
การเดินทางมาฟังคำตัดสินวันนี้ (26 พ.ย.) นางเบญจา หลุยเจริญ มาพร้อมสามี และลูกชาย 2 คน เช่นเดียวกับจำเลยที่ 2-4 เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมด้วยคนสนิทและญาติ ที่มาให้กำลังใจ แต่ละคน จนทำให้ต้องเปลี่ยนห้องพิพากพากษา
ขณะที่บรรยากาศภายในห้องพิจารณาดีนางเบญจา มีสีหน้าเคร่งเครียด และ วิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงที่เจ้าหน้าที่จากเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพเข้าเข้ามาแสตนบายด์ภายในห้อง แต่ก็ยังยิ้มได้เป็นบางช่วง และภายหลังการเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นเวลา 1 เดือน นางเบญจารีบเดินทางกลับพร้อมกับลูกชาย สีหน้าคลายความกังวลลงไปอย่างมาก และรีบเดินทางขึ้นรถกลับทันที โดยไม่ตอบคำถามใดๆ
ผู้สื่อข่าวที่พยายามสอบถามถึงความรู้สึกหลังเลื่อนคำพิพากษาออกไป รวมถึงหนักใจหรือไม่ที่ภายในอีก 1 เดือนจะต้องกลับมาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
คดีนี้เริ่มจาก 3 ธันวาคม 2558 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเองโดยไม่ผ่านอัยการสูงสุด กล่าวหานางเบญจา หลุยเจริญ กับพวก รวม 5 คน เป็นจำเลย ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ วินิจฉัยว่านายพานทองแท้-นางสาวพินทองทา ชินวัตร ไม่ต้องเสียภาษีอากร ซื้อหุ้นชินคอร์ปฯเมื่อปี 2549 ทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ราชการเสียหาย ต่อมา 23 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลอาญานัดไต่สวนพยานครั้งแรก เห็นว่ามีมูลความผิดทางอาญา มีคำสั่งให้ประทับคำฟ้องคดีกระทั่ง 28 กรกฎาคม 2559 ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา คดีดำหมายเลข อท 432558 โดยตัดสินจำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 จึงสั่งให้จำคุก 2 ปี ไม่รอการลงอาญาเช่นกัน
แต่จำเลยทั้ง 4 ได้นำหนังสือรับรองการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ต้องหาคดีของกรมสรรพากรวงเงินไม่เกิน 420,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 300,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2560 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้ง 5 ทุกประเด็น ฟังไม่ขึ้น ศาลจึงสั่งจำคุกนางเบญจา และ พวกคนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนนางสาวปราณี ศาลสั่งจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมา 20 ตุลาคม 2560 ศาลอุทธรณ์ได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 5 ตามคำสั่งของศาลฎีกา ตีราคาประกันคนละ 5 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้ง 5 คน เดินทางออกนอกราชอาณาจักร พร้อมทั้งให้จำเลยทั้ง 5 คน มอบหนังสือเดินทางต่อศาลชั้นต้น และให้ศาลแจ้งสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ