จับตา 3 เทรนด์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ ปี 2563
"ไพรซ์ซ่า" แนะจับตา 3 เทรนด์อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่จะเกิดขึ้นในปี 2563 คาดการแข่งขันธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้าจะดุเดือดยิ่งกว่าปีนี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ไพรซ์ซ่า (Priceza.com) นำโดย ธนาวัฒน์ มาลาบุปฝา CEO & Co-founder บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัดและนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย จัดงานสัมมนาเทรนด์ธุรกิจ E-Commerce แห่งปี "Priceza E-Commerce Summit 2020" งานสัมมนาที่รวบรวมวิทยากรจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศกว่า 15 องค์กร คับคั่งด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน
ธนาวัฒน์ กล่าวว่า ไพรซ์ซ่าได้รวบรวมร้านค้าออนไลน์จากหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ โดยปัจจุบันมีผู้เข้าใช้งานแพลตฟอร์มไพรซ์ซ่ากว่า 18 ล้านครั้งต่อเดือน ซึ่งมีอัตราการซื้อในปีนี้เฉลี่ย 8.71% เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจากปีที่แล้วที่ 4.69% แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด หรือมากขึ้นถึง 86%
- ธนาวัฒน์ มาลาบุปฝา ซีอีโอของไพรซ์ซ่า -
ภายในงาน Priceza E-Commerce Summit 2020 ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเทรนด์ธุรกิจในยุคสมัยปัจจุบันที่ทุกคนต่างมีสื่อ และเทคโนโลยีเป็นของตนเอง จากข้อมูลคนไทยใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 9 ชั่วโมง 11 นาที ต่อวัน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก อีกทั้งกิจกรรมชอปปิงออนไลน์ ยังติด 1 ใน 5 กิจกรรมในอินเทอร์เน็ตที่คนไทยใช้เวลามากที่สุด ทำให้เห็นว่าธุรกิจ E-Commerce กำลังเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีช่องทางและโอกาสอีกมากมายที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม
ธนาวัฒน์ เผยว่า เทรนด์ธุรกิจสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2563 มีดังนี้
- เทรนด์ ที่ 1 E-Commerce is global
E-Commerce เป็นการค้าที่ไร้พรมแดนอยู่แล้ว แต่ในปี 2563 จะไม่ใช่แค่ข้ามภูมิภาค แต่จะเป็นข้ามประเทศ อ้างอิงจากข้อมูลของสินค้าใน 3 Marketplace เจ้าดังในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบจำนวนสินค้าของปี 2561 ที่มีจำนวน 74 ล้านชิ้นและในปี 2562 มีจำนวนสินค้าเติบโตมากขึ้นถึง 174 ล้านชิ้นหรือมากถึง 2.4 เท่า
เมื่อเจาะลึกลงไปจะเห็นว่าเป็นสินค้าที่มาจากประเทศจีนมากถึง 77% ประกอบกับนโยบายของรัฐบาล Free Trade Area ที่จะส่งผลให้ปี 2563 การขนส่งสินค้าจากต่างประเทศจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- เทรนด์ ที่ 2 DTC : Direct to Consumer
แบรนด์สินค้าจะสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งสอดคล้องจากข้อมูลของ 3 มาร์เก็ตเพลสเจ้าดังในประเทศไทย ที่มีแบรนด์สินค้าโดยเฉลี่ยทั้งหมด 44,000 แบรนด์ และมีจำนวน Brand Official Shop ทั้งหมด 1,700 ร้านค้า หรือ 4% แสดงให้เห็นว่าจำนวนแบรนด์ที่เข้ามาเปิด Shop ในมาร์เก็ตเพลสยังคงมีจำนวนไม่มาก
คาดว่าในปี 2563 จำนวนร้านค้า Brand Official Shop และจำนวนสินค้า จะเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว ชี้ให้เห็นถึงโอกาสของแบรนด์ต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องพึ่งช่องทางการขายแบบเดิมอีกต่อไป
- เทรนด์ ที่ 3 Thailand World’s Leader in Social Commerce
ประเทศไทยจะเป็นผู้นำของตลาดโซเชียลอีคอมเมิร์ซ (จากผลการวิจัย Conversational Commerce: the next gen of E-com” by BCG (Facebook, ส.ค. 2562) เปิดเผยว่า คนไทยยอมรับว่าเคยชอปปิงผ่าน Social Commerce มากถึง 40% ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนคนชอปปิงผ่าน Social Commerce มากที่สุดอีกด้วย
ในปี 2563 Social Commerce Platform ต่าง ๆ อาทิ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และไลน์ จะสามารถปิดการขายได้ในแอพพลิเคชั่นเดียว ไม่ต้องเสียเวลาออกไปแอพพลิเคชั่นธนาคารเพื่อชำระสินค้าอีกต่อไป
อีกหนึ่งไฮไลท์น่าสนใจซึ่งเป็นข้อมูลที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2563 เรียกได้ว่าจะเป็นปีทองของ “E-Commerce Delivery” ได้แก่ บริษัทประเภท Food Delivery (Grab, Get, Line Man) ที่นอกจากจะส่งสินค้าบริโภคได้แล้ว บริษัทเหล่านี้ยังสามารถส่งสินค้า E-Commerce ได้ด้วย พร้อมทั้งส่งตรงสินค้าถึงมือผู้บริโภคภายในวันเดียว (Same Day Delivery)
ไพรซ์ซ่าจึงคาดว่า การแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้าจะดุเดือดกว่าปี 2562 อย่างแน่นอน