"อนุทิน" เคลียร์ "สุริยะ" มติ 3 สารพิษแล้ว
“อนุทิน” ยุตีความมติ “ไม่แบน 3 สารพิษ” ใหม่ หลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายไขก๊อกลาออก อ้างประธานแถลงผลมติไม่ตรงความจริง ชี้ช่องคกก.โต้แย้งผลประชุม เผยเคลียร์ “สุริยะ” ที่มาของมติแล้ว
จากกรณีที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติยืดการแบนสารเคมีอันตราย พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสออกไปอีก 6 เดือนและไม่แบนไกลโฟเซต โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายแถลงว่าผลการลงมติเป็นเอกฉันท์ ต่อมารศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม ในฐานะคณะกรรมการวัตถุอันตรายสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ ยื่นลาออกและค้านมติดังกล่าวว่าไม่ได้เป็นเอกฉันท์เพราะตนเองไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว และอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา คณะกรรมการฯในสัดส่วนตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ระบุว่าการลงมติไม่ได้มีการโหวตรายบุคคลแต่อย่างใด และสธ.มีจุดยืนเดิมคือให้แบน 3 สารพิษทันทีในวันที่ 1 ธ.ค.2562
ล่าสุด วันนี้ (29 พ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตนเองเจอนายสุริยะที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2562ได้พูดคุยกันทำให้ทราบว่าผลมติดังกล่าวนั้น นายสุริยะเข้าใจว่าเมื่อตนเองถามในที่ประชุมแล้วไม่มีใครโต้แย้ง จึงเข้าใจว่าเป็นมติเอกฉันท์ของที่ประชุม ซึ่งท่านไม่ได้ให้คณะกรรมการโหวตรายบุคคลอาจเป็นเพราะเกรงใจคณะกรรมการแต่ละท่าน โดยส่วนตัวได้บอกท่านว่าสมัยก่อนอาจจะทำเช่นนั้นได้ แต่สมัยนี้ไม่ได้ เพื่อความชัดเจนควรให้มีการลงมติด้วยการโหวตรายบุคคล
“เมื่อมีคณะกรรมการวัตถุอันตรายอย่างอาจารย์จิราพรลาออก เพราะแย้งว่ามติไม่ได้เป็นเอกฉันท์ ถึงเวลาก็ต้องตีความให้ชัดว่าหากเป็นเช่นนี้แล้ว มติคณะกรรมการฯเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2562ถือว่ามีการลงมติหรือไม่ เพราะหากตีความว่าลักษณะดังกล่าวถือว่าไม่มีการลงมติ ก็แสดงว่ามติของคณะกรรมการฯเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2562 คือ ให้แบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิดทันทีภายในวันที่ 1 ธ.ค.2562ยังมีผลอยู่ ซึ่งหากตนเป็นเลขานุการคณะกรรมการก็จะทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการฯเพื่อขอตีความในเรื่องนี้ เพราะจะมีผลอย่างมากต่อการดำเนินการเรื่องสารเคมีทั้ง 3 ชนิดต่อไป ”นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สธ.จะมีการทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการฯเพื่อขอตีความหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.เป็นแค่หนึ่งในคณะกรรมการฯ และเรื่องนี้ต้องดูรายงานประชุมอย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งการจะดำเนินการอะไรต้องไม่หักหน้ากัน เพราะถือเป็นทีมเดียวกัน แต่ละคนอาจเข้าใจอะไรที่ต่างกันได้
ต่อข้อถามว่า แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะต้องตีความมติใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.ยืนยันตามมติเดิม และบอกว่าเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ไม่ได้มีการลงมติ ก็ไม่จำเป็นต้องตีความอะไร แต่ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งต่อไป ต้องดูว่าเรื่องนี้จะถูกหยิบมาพิจารณาหรือไม่ เพราะจะต้องมีการนำเสนอให้รับรองรายงานการประชุมครั้งก่อนที่ระบุมติว่าเป็นเอกฉันท์ ก็ต้องดูว่าจะมีคณะกรรมการฯโต้แย้งรายงานการประชุมหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คณะกรรมการฯ 2 ท่านในสัดส่วนผู้แทนสธ. จะเป็นคนโต้แย้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของคณะกรรมการฯแต่ละท่านที่จะต้องพิจารณาเองว่าหากรับรองรายงานการประชุมเช่นนั้นแล้ว จะสุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเป็นตนเองจะไม่รับรองเพราะกลัว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความประสงค์จะคืนกรมวิชาการเกษตรให้รมว.เกษตรฯดูแลเองนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องจัดการปัญหาที่มีอยู่เสียก่อน เพราะการทำงานต้องร่วมกันทำ เพื่อมุ่งสัมฤทธิ์ผลร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจัดการปัญหาคือเด้งอธิบดีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจ แต่ถ้าตนเป็นรมว.เกษตรฯก็จะพิจารณา ซึ่งจากได้พูดคุยกับน.ส.มนัญญาทราบว่าเมื่อมอบหมายนโยบายใดไปก็ไม่ทำตาม อย่างไรก็ตาม ต้องสอบถามถึงเหตุผลของการไม่สนองนโยบายก่อนว่ามีเหตุผลอย่างไร แต่หากไม่ทำตามเพราะไม่ทำตามก็ไม่ได้