โคเมเฮียว บุกไทย เอาใจ คนชอบแบรนด์เนมมือ 2
สหพัฒน์ เดินหน้าขยายธุรกิจบริการ จับมือทุนซามูไรเบอร์ 1 ร้านแบรนด์เนมมือ 2 โคเมเฮียว ตั้งบริษัทร่วมทุน 140 ล้านบาท พร้อมเปิดช็อปแรกในไทย เอาใจสาวกแบรนด์หรู หลังขนเงินไปซื้อประเทศญี่ปุ่น 400-500 ล้านเยนต่อปี
เครือสหพัฒน์ ยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคของไทยดำเนินธุรกิจมากว่า 70 ปี มีธุรกิจหลากหลาย โดยฐานธุรกิจที่สำคัญในอดีตคือภาคการผลิต แต่เมื่อมีภัยคุกคามจากดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจึงปรับตัว ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เกี่ยวกับ “ภาคบริการ” มากขึ้น และให้หนึ่งในบริษัทหัวหอกด้านการลงทุนอย่าง “สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” หรือเอสพีไอ ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เช่น ค้าปลีก
ปลายปีที่ผ่านมา เอสพีไอ ได้ผนึกกับบริษัท โคเมเฮียว จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ “สหโคเมเฮียว” เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกศูนย์รวมการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 แบรนด์ “โคเมเฮียว” ในประเทศไทย
นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมองหาโอกาสในการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโต และได้ให้โจทย์กับพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินของญี่ปุ่นแนะนำบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่น เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตั้งบริษัทร่วมทุน มีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท โดยเอสพีไอถือหุ้นสัดส่วน 51% โคเมเฮียวถือ 49%
ทั้งนี้ การบุกตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 เนื่องจากเห็นโอกาสจากพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น นิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 สูงมาก ขณะที่โคเมเฮียว เป็นศูนย์รวมซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 อันดับ 1 ของญี่ปุ่น ทำตลาดมากว่า 70 ปี จึงหารือกันเพื่อร่วมทุนดังกล่าว
ล่าสุด บริษัทใช้เงินลงทุน 5 ล้านบาท ไม่รวมกับสินค้ามูลค่าหลักสิบล้าย เพื่อเปิดร้านโคเมเฮียว สาขาแรกที่เซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เนื้อที่ประมาณ 90 ตารางเมตร(ตร.ม.) เพื่อขายสินค้า เบื้องต้นเน้นกระเป๋า และนาฬิกา โดยมีสินค้าจำหน่ายหลักร้อยรายการ(เอสเคยู) ส่วนแผนในอนาคตต้องการขยายร้านเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นทำเลใจกลางเมือง และอยู่ใกล้สินค้าแบรนด์เนมอื่นๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับร้านโคเมเฮียวมากขึ้น
“เครือสหพัฒน์พยายามขยายธุรกิจใหม่ สร้างความหลากหลายมากขึ้น แต่ธุรกิจหลักของเรายังไม่ทิ้ง ยังเติบโตต่อเนื่อง แต่ธุรกิจใหม่ถือเป็นโอกาสต่อยอดการเติบโต ส่วนการเปิดร้านโคเมเฮียว เพราะเราเห็นคนไทยไปชอปปิงสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ที่ญี่ปุ่นจำนวนมาก จึงนำร้านมาเปิดสาขาที่ไทย ตอบสนองความต้องการ โดยการเปิดสาขาแรกจริงๆต้องการพื้นที่ใหญ่ขนาด 100-600 ตร.ม. แต่ทำเลที่เหมาะสมค่อนข้างหายาก ขณะเดียวกันมองหาพื้นที่เพื่อเปิดร้านในรูปแบบร้านเดี่ยวหรือสแตนอะโลนด้วย”
นายทาคุจิ อิชิฮาร่า ประธานบริษัท โคเมเฮียว จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า จากแนวโน้มอัตราการเกิดของประชากรญี่ปุ่นลดน้อยลง คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและความต้องการ(ดีมานด์)สินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ให้ลดลงตามไปด้วย ทำให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ต้องขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโต
ที่ผ่านมา บริษัทมีการเข้าไปบุกเบิกตลาดซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ในประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นประเทศแรก แต่รูปแบบของการทำตลาดจะเป็นการขายส่งหรือโฮลเซลล์ ส่วนจีนเป็นรูปแบบของการให้คำปรึกษาแก่พันธมิตร ซึ่งมีร้านค้าแบรนด์เนมมือ 2 อยู่แล้ว ล่าสุด เจาะตลาดไทย และเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดร้านโคเมเฮียวในรูปแบบหน้าร้านหรือรีเทล เพื่อสร้างวัฒนธรรมการซื้อขายสินค้ามือ 2 ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ในการทำตลาดที่ประเทศญี่ปุ่น ยังพบว่าคนไทยนิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 สูงมากเป็นอันดับ 2 สัดส่วนประมาณ 20-30% รองจากจีนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีการซื้อสินค้ามากสุดสัดส่วน 40-50% ส่วนอันดับ 3 คือฟิลิปปินส์ แต่ที่น่าสนใจคือ คนไทยจะซื้อสินค้าในราคาแพงเฉลี่ย 2-3 แสนบาทต่อครั้ง สูงกว่าชาวจีน แบรนด์ยอดนิยมได้แก่ แอร์เมส รุ่นเบอร์กิ้น, ชาแนล และหลุยส์ วิตตอง ส่วนนาฬิกา ได้แก่ แบรนด์ปาเต๊ะ ฟิลลิป โรเล็กซ์และโอเดอมาร์ส ปิเก้ต์หรือเอพี โดยบริษัทสร้างยอดขายจากคนไทยที่ซื้อสินค้าได้มากถึง 400-500 ล้านเยนต่อปี
ขณะที่มูลค่าตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ในไทยคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 1,000-2,000 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 10-20% ส่วนแผนการเปิดร้านโคเมเฮียวตั้งเป้าจะมี 3-4 สาขา และมียอดขาย 300-400 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนทำเลยังเน้นในย่านใจกลางเมือง เช่น สยาม สุขุมวิท ชิดลม
สำหรับโคเมเฮียว เป็นศูนย์รวมรับซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ที่มียอดขายประมาณ 2.5 แสนล้านเยน มีร้านในญี่ปุ่น 39 สาขา โดยแผนธุรกิจในประเทศจะเน้นเปิดศูนย์รับซื้อสินค้าแบรนด์เนมมากกว่าร้านขาย ภายในสิ้นปีจะเปิดศูนย์รับซื้ออีก 3 แห่ง ซึ่งแต่ละปีบริษัทมีการรับซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากชาวญี่ปุ่นกว่า 1.6 ล้านชิ้น
“เราขยายธุรกิจออกนอกประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2555 แต่รูปแบบการขายจะเป็นขายส่ง แต่ไทยป็นประเทศแรกที่บริษัทเข้ามาเปิดรีเทลช็อป เพราะเราเห็นโอกาสตลาดจากความต้องการของคนไทยที่ซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 เติบโตสูงมาก ขณะที่ด้านการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ เราไม่เน้นขยายปริมาณการเปิดสาขามากนัก แต่ต้องการทำตลาดสร้างการรับรู้วัฒนธรรมการซื้อขาย และแบ่งปันสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ให้ผู้บริโภคมากกว่า และที่สำคัญตลาดสินค้าแบรนด์เนม 100% จะพบว่ามีผู้บริโภคปล่อยขายเป็นมือ 2 เพียง 5-10% เท่านั้น สะท้อนถึงโอกาสตลาดที่มีมหาศาล”
นายฮิเดโอะ ทาเคโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหโคเมเฮียว จำกัด กล่าวว่า นอกจากเปิดร้านรีเทลแล้ว บริษัทยังเปิดตัวช่องทางจำหน่ายออนไลน์ของร้านโคเมเฮียวในไทยครั้งแรกวานนี้(29 พ.ย.2562) ซึ่งมีสินค้ากว่า 1,000 รายการ ขณะที่หน้าร้านมีประมาณ 300-400 รายการ ครอบคลุมกระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับหรือแอคเซสเซอรี่ โดยสินค้าที่ขายมีราคาตั้งแต่หลักพันบาท สูงสุด 3.6 ล้านบาท ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีสินค้าหลากหลายทั้งจิวเวลรี่ ชุดกิโมโน ฯ อย่างไรก็ตาม จากการเปิดโคเมเฮียวร้านแรกตั้งเป้ายอดขายกว่า 50 ล้านบาท