รองผบ.ตร. ประชุมเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกจราจร ช่วงเทศกาลปีใหม่
วันนี้ 17 ธันวาคม เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมสั่งการตำรวจทั่วประเทศ เตรียมพร้อมปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจร ลดอุบัติเหตุ ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม ถึงวันที่ 2 ธันวาคม โดยใช้กำลังตำรวจกว่า 74,000 นาย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวก่อนการประชุมว่า ในปีนี้จะเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกและการจัดการจราจร ให้ประชาชนได้เดินทางออกต่างจังหวัดได้สะดวกมากที่สุดโดยคาดว่าประชาชนจะเริ่มออกเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยลงไปอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรและดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสาร พร้อมมีศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หมายเลขสายด่วน 1193
ทั้งนี้มีการออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักรว่าด้วยการกําหนดช่องหรือแนวทางเดินรถขึ้นและร่องในถนนบางสาย โดยจะเป็นการเปิดช่องทางพิเศษในขาขึ้น 9 จุด ระหว่างวันที่ 21 ถึง 31 ธันวาคมนี้และขาล่อง 16 จุด วันที่ 1-3 มกราคม 2563 ให้เป็นช่องทางพิเศษระบายรถในช่วงที่หนาแน่นให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์เส้นทางหลีกเลี่ยงของถนนสายต่างๆ ทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลักโดยเรียกสั้นๆ ว่า 10 รสขม คือ “1 ร” เร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด “2 ส” ขับรถย้อนศร ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร “3 ข” ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ แซงในที่คับขัน และ “4 ม” เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย มอเตอร์ไซค์ดัดแปลง และใช้มือถือขณะขับรถ โดนข้อหาทั้งหมดเป็นการพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไม่ได้เป็นการเร่งทำยอดหรือทำให้ประชาชนเดือดร้อนแต่จะมีการตั้งจุดตรวจบริเวณใกล้สถานที่จัดงานฉลองต่างๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตำรวจจะเน้นการตรวจสอบเป็นพิเศษ
ส่วนข้อมูลจากการข่าวของหน่วยงานข่าวกรอง ยังไม่พบว่าจะมีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบรายใดจะมาก่อเหตุใดๆในพื้นที่จัดงานเคาท์ดาวน์พื้นที่ต่างๆ แต่เพื่อความไม่ประมาทได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวเพิ่มเติมและประสานข้อมูลด้านข่าวกรองกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหากพบมีประเด็นหรือปัจจัยใดที่น่าสงสัยก็จะนำกำลังเข้าไปตรวจสอบทันที