ฆาตกรต่อเนื่อง อาจไม่ใช่ ฆาตกรโรคจิต

ฆาตกรต่อเนื่อง อาจไม่ใช่ ฆาตกรโรคจิต

คดีสะเทือนขวัญจากการอยู่นอกคุกของ “สมคิด พุ่มพวง” ผู้ต้องหาก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ทำให้สังคม โดยเฉพาะผู้หญิงกลุ่มเป้าหมายการฆ่าของเขาหวาดผวาไปทั่ว

สาเหตุสำคัญก็เพราะ เมื่อได้ชื่อว่า ฆาตกรต่อเนื่อง” เราจะแทบไม่สามารถคาดเดาความคิดของคนกลุ่มนี้ได้ว่า กำลังจะทำอะไรต่อ และใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป

“เนชั่น ทีวี” สอบถามเรื่องนี้กับนักอาชญาวิทยาชื่อดัง  ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสถาบันอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต อาจารย์อธิบายว่า พฤติกรรมของการก่อเหตุฆาตกรรมซ้ำๆ ด้วยวิธีการคล้ายๆ กันของนายสมคิด ถือว่าเข้าข่ายคำว่า ฆาตกรต่อเนื่องหรือ Serial killer ตามตำราของหน่วยสืบสวนสอบสวนระดับโลกอย่าง FBI แล้วอย่างแน่นอน แต่อาจจะยังไม่เข้าข่ายคำว่า ฆาตกรโรคจิต” เพราะที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดทำแบบประเมินสุขภาพทางจิตของนายสมคิด จึงทำให้ยังไม่มีการรับรองว่า ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมแบบซ้ำๆ มีความผิดปกติทางจิตหรือไม่

157667394075

กรณีของ นายสมคิด พุ่มพวง หรือที่สื่อมวลชนพากันขนานนามว่า “คิด เดอะริปเปอร์” ถือเป็นฆาตกรต่อเนื่องเพียงรายเดียวของประเทศไทย (ไม่นับซีอุย ที่มีข้อโต้แย้งเรื่องความโปร่งใสของพยานหลักฐาน) โดยช่วงที่มีการควบคุมตัวนายสมคิดในเรือนจำ ทางกรมราชทัณฑ์เองก็ยอมรับว่า เสียดายที่ไม่ได้มีการประเมินความผิดปกติทางจิตของนายสมคิด ซึ่งการประเมินความผิดปกตินี้ จะช่วยถอดรูปแบบชุดความคิดและอาการของผู้ก่อเหตุได้

อีกหนึ่งหน่วยงานที่ควรเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ก็คือ กรมสุขภาพจิต” โดยเฉพาะการตรวจสภาวะทางจิตเวช และควรนำเครื่องมือที่เป็นแบบประเมินมาใช้ แม้จะมีราคาสูงก็ตาม (ส่วนใหญ่แบบประเมินสภาวะทางจิตเวชนี้ จะใช้ในสถานพยาบาลขนาดใหญ่ อย่างเช่น โรงพยาบาลศรีธัญญา เนื่องจากมีราคาสูงมาก)

อาจารย์จอมเดช ยังบอกด้วยว่า การประเมินความผิดปกติทางจิตของผู้ก่อเหตุ จะสามารถบอกได้ถึงแนวความคิดและการวางแผนของผู้ก่อเหตุด้วย อย่างเช่น หากผู้ก่อเหตุมีสภาพความผิดปกติทางจิต แน่นอนว่าการก่อเหตุจะเป็นไปในลักษณะเพื่อความสะใจของตัวเอง อยากจะฆ่าใครเพื่อความสนุกก็จะทำได้เลย ไม่มีการวางแผนก่อนลงมือ หรือวางแผนการหลบหนีมากนัก 

แต่กรณีที่ผู้ก่อเหตุที่ไม่ได้มีอาการผิดปกติทางจิต แต่มีพฤติการณ์ ฆาตกรต่อเนื่องจะมีการวางแผนก่อนลงมือ วางแผนเส้นทางหลบหนี และที่สำคัญคือ เขาจะก่อเหตุเพื่อ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นการสนองตอบทุกด้านในจิตใจ ทั้งความสนุก ความสะใจ และชื่อเสียงที่ทำให้สังคมหวาดกลัว

ฉะนั้นเมื่อมีการจับกุมตัวนายสมคิดได้อีกรอบแล้วในขณะนี้ กรมราชทัณฑ์และกรมสุขภาพจิตควรร่วมมือกันใช้แบบประเมินความผิดปกติทางจิตกับนายสมคิด เพื่อให้สามารถเข้าใจความคิดของผู้ก่อเหตุได้ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

 “เนชั่น ทีวี” ยังได้พูดคุยกับตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นพนักงานสอบสวน ในช่วงที่ นายสมคิด ก่อเหตุปลิดชีพเหยื่อสาวรายแรก เมื่อ 10 กว่าปีก่อน นักร้องสาวคาเฟ่ในพื้นที่ สภ.เมืองมุกดาหาร โดยนายตำรวจท่านนี้บอกว่า ตอนที่กองปราบจับกุมตัวนายสมคิด เมื่อประมาณปี 2548 ได้ มีโอกาสได้ซักถามนายสมคิดว่าฆ่าเหยื่อเพราะอะไร ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาตกใจอย่างมาก 

เพราะนายสมคิด ตอบกลับมาด้วยสีหน้าอมยิ้มว่า “เวลาผู้หญิงจะขาดใจ ช่องคลอดจะรัดตัวแน่นมากๆ ทำให้ถึงจุดสุดยอด”

แน่นอนว่า หากใครได้ยินคำตอบแบบนี้ ต้องตั้งคำถามทันทีว่า นายสมคิดเข้าข่ายเป็นโรคจิตหรือไม่ และถ้าเป็นจะเป็นในประเภทไหน

157667397930

“เนชั่น ทีวี” จึงสอบถามประเด็นนี้กับ แพทย์หญิงดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้รับคำตอบว่า พฤติกรรมในลักษณะที่ตำรวจได้กล่าวถึงนั้น โดยทั่วไปอาจจะมองว่า ผู้ก่อเหตุอาจจะมีความผิดปกติทางจิต แต่หากดูรายละเอียดให้ลึกไปกว่านั้น อาจจะเข้าข่าย โรคกามวิปริตหรือ Paraphilia ซึ่งเป็นความตื่นตัวทางเพศระดับสูงต่อวัตถุ สถานการณ์ หรือบุคคลที่ไม่ใช่ลักษณะทั่วไป แต่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร คาดว่า อาจมาจากปัจจัยในด้านชีวภาพ สภาพแวดล้อม และพัฒนาการทางจิตใจร่วมกัน

พฤติกรรมที่ผิดปกตินี้ มักเกิดในเพศชาย ซึ่งมีกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้จำนวนไม่น้อย และอาจจะเข้าลักษณะของ บีดีเอสเอ็ม” (BDSM) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกิจกรรมทางเพศอย่างหนึ่ง ที่มีเซ็กส์แบบรุนแรงและทรมาน เช่น จับมัดขึง ใช้แส้เฆี่ยนตี เอาน้ำตาเทียนไขลนร่างกาย

โดยคำว่า BDSM เป็นตัวย่อมาจากตัวอักษรภาษาอังกฤษ 4 ตัว คือ B - Bondage คือ พันธนาการ

D - Discipline คือ การลงโทษ  S - Sadism คือ มีความสุขจากการทำร้ายผู้อื่น  M - Masochism คือ มีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำทารุณกรรม

“เนชั่น ทีวี” ได้สำรวจข้อมูลบนโลกออนไลน์ พบว่า มีเพจในเฟสบุ๊คที่เป็นการตั้งกลุ่มของคนที่สนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในรูปแบบ บีดีเอสเอ็ม” ซึ่งมีหลายรูปแบบมาก มีการแสดงงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับ “บีดีเอสเอ็ม” แลกเปลี่ยนซื้อขายอุปกรณ์อย่าง โซ่ แส้ กุญแจมือ รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจกับคนที่มีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกับตนเองด้วย