“รังสิมา” โวยกมธ.ฯ หั่นงบ กรมวิชาการเกษตร 600 ล้านบาท ห่วงสร้างปัญหา-กมธ.แจงจัดงบไม่โปร่งใส-แพงเกินจริง
เมื่อเวลา 17.40 น. ที่ประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ 63 วาระสอง เข้าสู่การพิจารณามาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับ ซึ่งกมธ.ฯ ได้ปรับลดลงวงเงินงบประมาณ เหลือ 31,644 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 32,577 ล้านบาท ทั้งนี้กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทบทวนการใช้จ่ายและการตั้งงบประมาณที่รั่วไหล โดยเฉพาะในส่วนของกรมวิชาการเกษตร
โดย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายท้วงติงต่องบประมาณของกรมวิชาการเกษตร ที่กมธ.ฯ ปรับลดงบประมาณลง กว่า 600 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 1,500 ล้านบาท เหลือเพียง 899 ล้านบาท เนื่องจากพบความผิดปกติของการเสนอของบประมาณ โดยเฉพาะงบประมาณเพื่อเช่าคอมพิวเตอร์ เครื่องละ 300,000 บาทต่อปี ขณะที่ราคากลางของสำนักงบประมาณประเมินที่การจัดซื้อจะอยู่ที่เครื่องละ 1.7 หมื่นบาท นอกจากนั้นยังพบค่าซ่อมบำรุงอีกปีละ 60,000 บาท ทั้งนี้กมธ. ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเชื่อว่ามีการรั่วไหลของงบประมาณ ซึ่งกมธ.ฯ ซีกรัฐบาลได้เห็นตัวเลขดังกล่าวเช่นกัน
ขณะที่น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายโต้แย้งการตัดลดงบประมาณของกมธ.ฯ โดยเฉพาะงบประมาณของกรมวิชาการเกษตร กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้ความรู้กับเกษตรกร และส่งเสริมสินค้าเกษตร ทั้งนี้กมธ.ฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ตัดงบส่วนดังกล่าว มีเพียงกมธ.ฯ อีกฝั่งที่ตัดงบส่วนดังกล่าว อย่างไรก็ตามการตัดงบประมาณดังกล่าวจะสร้างความเดือดร้อนให้เกษตรและย้อนเป็นปัญหาที่ส.ส.ต้องนำมาพิจารณาในสภาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นกมธ.ฯ ลุกชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าว โดยนายวรวัจน์ ย้ำถึงการปรับลดงบประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของกรมวิชาการเกษตร เพราะหน่วยงานขอรับงบประมาณไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดและตอบคำถามได้ อีกทั้งยังพบว่าการชี้แจงในอนุกมธ.ฯ ที่พิจารณาปรับลด กับ กมธ.ฯ ชุดใหญ่มีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นเชื่อว่ามีการทำงานไม่โปร่งใส ของบประมาณสูงเกินกว่าความเป็นจริง ถึง 10 เท่า และที่สำคัญหน่วยงานไม่สามารถตอบกมธ.ฯ ไม่ได้ ทำให้กมธ.ทั้งชุดไม่กล้าให้งบประมาณตามที่เสนอขอจัดสรร ดังนั้นขอให้ส.ส.เข้าใจถึงเหตุผลที่ปรับลดงบประมาณจำนวนมากดังกล่าว
ทั้งนี้น.ส.รังสิมา อภิปรายด้วยความข้องใจว่าหากพบปัญหาเฉพาะโครงการเช่าคอมพิวเตอร์ ควรตัดเฉพาะงบประมาณส่วนดังกล่าว ไม่ใช่ตัดงบในภาพรวมของกรมวิชาการเกษตร ทั้งหมด กว่า 600 ล้านบาท จากที่เสนอทำให้นายวรวัจน์ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่าการเสนอขอปรับลดงบประมาณ เป็นข้อเสนอของอนุกมธ.ฯ ที่มีนายมณเฑียร สรงประชา ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานอนุกมธ.ฯ เสนอ ทั้งนี้ในการเสนอและการชี้แจงของหน่วยรับงบประมาณเหมือนกับหลอกกมธ.ฯ และสำนักงบประมาณ
จากนั้นนายมณเฑียร ชี้แจงฐานะประธานอนุกมธ.ฯ. ว่า รายละเอียดที่กรมวิชาการเกษตรชี้แจงพบว่าการเสนอครั้งแรกที่ตั้งงบประมาณเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ที่เดือนละ 5,000 บาท ปีละ 60,000 บาท แต่เมื่ออนุกมธ.ฯ ท้วงติง ค่าเช่าลดลงเหลือเดือนละ 800 บาท ซึ่งการตั้งราคาที่กลับไปกลับมา จึงเสนอให้กมธ.ฯ ชุดใหญ่พิจารณา และตนบอกผู้ชี้แจงด้วยว่าหากสามารถปรับเปลี่ยนโครงการหรืองบประมาณได้แบบนี้กมธ.ฯ คงไม่มีความหมาย
ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ฐานะกมธ. และอนุกมธ.ฯชุดเดียวกับนายมณเฑียร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ค่าเช่าคอมพิวเตอร์ของกรมฯ พบยื่นเสนอครั้งแรก เดือนละ 5,000 บาท ปีละ 60,000 บาท ทั้งที่ราคากลางของสำนักงงบประมาณอยู่ที่ 30,000 บาท เท่านั้น ถือว่าถูกกว่ากันครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณางบประมาณของกรมวิชาการเกษตรตามภารกิจหน้าที่ที่พบว่าจะทำงานวิจัย มีห้องแล็ปเพื่อวิจัย พบว่ามีการใช้งบดำเนินงานส่วนหนึ่งไปบำรุงรักษาห้องแล็ป ส่วนงบทำวิจัยของกรม นำไปจ้างนักวิจัยทางเกษตรจำนวนมาก ส่วนงบวิจัยพบว่าใช้ในการดำเนินงานในห้องแล็ป ถือว่าการใช้งบซ้ำซ้อน และพบการใช้เงินนอกงบประมาณที่สามารถนำไปใช้เรื่องใดๆก็ได้ นอกจากนั้นยังพบการสับเปลี่ยนโครงการ เช่น ตั้งโครงการเพื่อซื้อปากกา แต่สลับไปซื้อคลิปหนีบกระดาษ ซึ่งกมธ.ฯ สอบถามว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งหน่วยงานชี้แจงว่า ได้
“กมธ.พบความไม่ชอบมาพากล หากตรวจสอบไม่พบอาจจะปล่อยให้ผิดเป็นไปตามผิด อย่างไรก็ตามในการพิจารณาชั้นอนุกมธ.ฯ ไม่มีการตัดลดงบประมาณ เพราะไม่มีอำนาจ จึงเสนอให้กมธ.ฯ ชุดใหญ่พิจารณา ทั้งนี้พบการชี้แจงครั้งแรก ค่าเช่าเครื่องละ 5,000 บาท แต่ครั้งสองพบค่าเช่าเหลือ 800 บาท ซึ่งหากตรวจสอบไม่ดี เอกสารที่ส่งให้สภาฯ ซึ่งส่งมาให้แบบผิดๆ ก็จะผิด จึงเป็นที่มาที่ทำให้ต้องตัดงบกรมส่งเสริมการเกษตร 50 เปอร์เซ็นต์” นายภราดร ชี้แจง
อย่างไรก็ตามน.ส.รังสิมา พยายามขออภิปรายเพื่อกมธ.ชี้แจง ให้ชัดเจน แต่ช่วงนั้นซึ่งนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ฐานะประธานที่ประชุม ตัดบท ทำให้ น.ส.รังสิมา กล่าวขึ้นว่าา หากไม่ให้ชี้แจง เหมือนกับตนเองโดนรุม ซึ่งตนอยากให้กมธ.ฯชี้แจงว่ามีกรมอื่นที่มีปัญหาด้วยหรือไม่ และทำไมถึงเลือกเฉพาะกรมวิชาการเกษตร ทั้งนี้นายสุชาติ กล่าวตัดบทและให้ส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติอภิปรายตามลำดับต่อไป