'เทพไท' หวั่น 'วิ่งไล่ลุง-วิ่งเชียร์ลุง' จุดเริ่มต้นความขัดแย้ง 2 กลุ่ม
"เทพไท" หวั่นกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และวิ่งเชียร์ลุง เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งรอบใหม่ ที่ทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่เหตุการณ์ปี 57 แสดงให้เห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมา การบริหารประเทศภายใต้ คสช.ล้มเหลว
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 63 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และวิ่งเชียร์ลุง ที่ผ่านมาว่า น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคมรอบใหม่ ระหว่างกลุ่มคน 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ กับ กลุ่มที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองย้อนหลังกลับไปสู่เหตุการณ์ก่อนวันที่22 พฤษภาคม 2557 ที่มีความขัดแย้งทางสังคมอย่างรุนแรง ซึ่งในขณะนั้นเป็นความขัดแย้ง ระหว่างระบอบทักษิณ กับสังคมไทย แต่วันนี้ได้เปลี่ยนคู่ขัดแย้งใหม่ เป็นระหว่างระบอบประยุทธ์กับสังคมคนรุ่นใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า5ปีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าการบริหารประเทศภายใต้ คสช.ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถปลดล็อคความขัดแย้งของสังคมได้ จึงทำให้การรัฐประหารของคสช.
เมื่อปี 2557 เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยที่ไม่คุ้มค่า เป็นการยึดอำนาจที่เสียของอีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่สามารถที่จะคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทยตามเป้าหมายของคณะคสช.ประกาศไว้ และวันนี้สถานการณ์การเมืองได้พัฒนามาเป็นการชุมนุมผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย และมีการนัดชุมนุมกันแบบครั้งคราว หรือเฟลซม็อบ เพื่อสร้างแรงกดดันทางการเมืองไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะสุกงอม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง สำหรับพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญที่มีการสืบทอดอำนาจจาก คสช. จะต้องเป็นผู้ถอดสลักความขัดแย้ง และแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยตนเองให้ได้
วันนี้จุดศูนย์กลางความขัดแย้งทางการเมืองได้เปลี่ยนมาเป็นพลเอกประยุทธแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งปัญหาทั้งหมดอยู่ที่พลเอกประยุทธ์ จะถอดสลักแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติได้อย่างไร เป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์และบริวารต้องไปขบคิด และหาแนวทางแก้ไข หรือถอนตัวออกจากคู่ขัดแย้งให้เร็วที่สุด เพื่อให้สถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมคลี่คลายไปสู่สภาวะปกติตามที่ทุกฝ่ายในสังคมปรารถนา