นัดฟังคำสั่ง 'ธนาธร' ฟ้อง กกต.ร้องยุบพรรคมิชอบ 20 ก.พ.นี้
“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ” สั่งกกต.ส่งเอกสารแสดงขั้นตอนการไต่สวนคดียุบ อนค. ก่อนนัดคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง 20 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.63 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ “พรรคอนาคตใหม่” ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อนประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค. ,นายนิยต ดำรงประภักดิ์ ,นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน , พ.ต.ต.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. , นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์ , พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา ,พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสาม เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย , นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. , นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ , นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย , นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี , นายปกรณ์ มหรรณพ , นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ , นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้งเจ็ดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14 คดีหมายเลขดำ อท.185/2562 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค.ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลตรวจฟ้องแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้ได้ความชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีที่จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงอาศัยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 16 วรรคหนึ่ง และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ข้อ 3 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 เห็นสมควร ให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการสืบสวน , การไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และการดำเนินคดีกรณีกล่าวหาว่า นายธนาธร ให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่ามีขั้นตอน-วิธีการสืบสวน , ไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามกฎหมาย , กฎ, ประกาศ , ระเบียบ , ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร โดยให้ สำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศาล ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
โดยศาลกำหนดนัดพร้อม หรือฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษา ในวันที่ 20 ก.พ.นี้เวลา 10.00 น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.62 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐาน และแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรค อนค.โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรคอนค.โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท โดยประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้วแต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวน
พร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณาทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ ขณะที่เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไปและส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้องก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ
ส่วนคณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โจทก์ที่สอง มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกริดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา , ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา , เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ “นายธนาธร” หัวหน้าพรรค อนค. ก็ได้ยื่นฟ้อง กกต.ทั้งคณะ 7 คนไปเมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 อีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ อท.168/2562 ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นกัน จากกรณีวันที่ 25 มี.ค. - 16 พ.ค.62 ดำเนินกระบวนการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงกล่าวหาโจทก์ถือหุ้นในบริษัทวี-ลัคมีเดีย จำกัด โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นกระแสความและเร่งรัดการลงมติและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้
"เลขาธิการ กกต." ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมส่งเอกสารส่งศาล และนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาชั้นตรวจฟ้องไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.62 ซึ่งสุดท้ายศาลตรวจดูข้อกล่าวหาในคำฟ้องในชั้นตรวจฟ้องแล้ว ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องไม่รับคดีไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ เนื่องจากเห็นว่า ขั้นตอนการสืบสวน , การไต่สวน , การวินิจฉัยชี้ขาดในการยื่นคำร้องของ กกต.ให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่นั้นกระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 14/2562 ว่า กกต. มีหน้าที่และอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคสี่
กรณีที่เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง โดย กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อสำนวนถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นให้เป็นที่เด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภาครมสารองค์กรอิสระและหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 211 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง