ศาลปกครองสูงสุดยกคำขอทุเลา 'เอ็นซีพี'

ศาลปกครองสูงสุดยกคำขอทุเลา 'เอ็นซีพี'

ศาลปกครองสูงสุด ชี้ คำขอของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ยังไม่เข้าเงื่อนไขศาลปกครองจะมีอำนาจออกคำสั่งทุเลาการบังคับได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ยกคำขอของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ที่ขอกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาในการทุเลาการบังคับตามคำสั่งคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งคณะกรรมการฯ ให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี เป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอโครงการฯ ในการเสนอตัวร่วมลงทุนโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F จากเดิมที่ศาลปกครองชั้นต้น พิจารณาคำขอของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีแล้วมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3

โดยศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า กรณีตามคำขอของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ยังไม่เข้าเงื่อนไขในการที่ศาลปกครองจะมีอำนาจออกคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองได้ จึงให้ยกคำขอ กำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาในการทุเลาการบังคับตามคำสั่งคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ บริษัท นทลิน จำกัด, บริษัท แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด, บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน), บริษัท พีเอชเอส ออแกนิค จำกัด (โดยบริษัททั้ง 4 แห่ง และบริษัท ไชน่าเรลเวย์ คอนสตรั๊คชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกันในนาม กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี) ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F, คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ 1986/2562 เรื่องออกคำสั่งโดยไม่ชอบ โดยศาลปกครองกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น พิจารณาข้อเท็จจริง เอกสารที่เกี่ยวข้อง และข้อกฎหมายแล้วมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 62 เห็นว่า การที่กลุ่มบริษัทในนาม กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ดังกล่าว ระบุรายชื่อ-ตำแหน่งของตัวแทนหรือผู้แทน โดยที่ตัวแทนหรือผู้แทน ไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องที่แบบเอกสารภาคผนวก 16-ฌ กำหนด (แบบเอกสาร 16-ฌ เป็นเอกสารที่ให้สมาชิกผู้ร่วมลงทุนแสดงความรับผิดชอบร่วมกันหรือแทนกัน) แต่กลับลงลายมือชื่อในที่ว่างด้านล่างของแผ่นกระดาษเรียงตามแนวยาวแทนนั้น เป็นเพียงการเสนอรายละเอียดแตกต่างไปจากเงื่อนไขที่กำหนดในแบบเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ซึ่งเห็นได้ชัดโดยสภาพของเรื่องว่าไม่มีผลทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบต่อผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นแต่อย่างใด

คณะกรรมการคัดเลือกโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จึงไม่อาจตัดสิทธิ์กลุ่มบริษัทดังกล่าว จากการเป็นผู้ยื่นข้อเสนอในนาม กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ด้วยเหตุดังกล่าวได้ คำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ให้กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี เป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ที่ให้กลุ่มบริษัทในนาม กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี เป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 โดยการเพิกถอนคำสั่งนั้นให้มีผลนับแต่วันที่ออกคำสั่ง คือวันที่ 23 เม.ย.62 และให้คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ให้ทุเลาการบังคับคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไว้เป็นการชั่วคราวนั้น ยังมีผลต่อไปจนกว่าคดีจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด โดยให้ยกฟ้องคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ผลคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด คณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ และคำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุด โดยศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาและมีคำสั่งเรื่องทุเลาการบังคับคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ก่อน ส่วนการอุทธรณ์เนื้อหาคดีหลักยังพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษกศาลปกครอง ได้กล่าวอธิบายผลคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ดังกล่าวว่า ตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 70 วรรคสอง กำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาไว้ว่า ในกรณีทีเป็นคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ให้รอการปฏิบัติตามคำบังคับไว้จนกว่า จะพ้นระยะเวลาการอุทธรณ์หรือในกรณีทีมีการอุทธรณ์ให้รอการบังคับคดีไวจ้นกว่าคดีจะถึงทีสุด ซึ่งคดีนี้แม้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว แต่เมื่อคดีนี้ผู้ถูกฟ้องได้อุทธรณ์คำสั่งการขอทุเลาไว้แล้ว

ขณะนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ยกคำขอทุเลาของกลุ่มเอ็นซีพี ผู้ฟ้อง จึงมีผลทำให้คำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ผู้ถูกฟ้อง ที่เคยตัดสิทธิกลุ่มเอ็นซีพีเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 มีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป จนกว่าศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาที่คู่กรณีอุทธรณ์ไว้

อ่านรายละเอียดคำสั่งศาลปกครองสูงสุดได้ที่นี่

https://drive.google.com/file/d/1T_j3pWs-lopoLsw5ROmter4A3BWC8AfX/view