วิ่งหนีความจน สไตล์เดอะมันนี่โค้ช
เคล็ด(ไม่)ลับ ในการบริหารเงิน จากกูรู ที่คุณก็ทำได้
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
“ความรุ่งเรืองแห่งประชาชาติ ขึ้นอยู่กับความมั่งคั่งทางการเงินของประชาชน” George S. Clason The Richest Man in Babylon
เมื่อเรื่องเงินเป็น อีกเรื่องใหญ่ในชีวิต วันที่ 1 ถึงวันสิ้นเดือนจึงมีความหมายเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการ การจัดสรร หรือการเอาตัวรอด
ตลอดการเรียน เราถูกสอนฝึกฝนทักษะอาชีพเพื่อทำงานหาเงิน…แต่พอลองทบทวนดูแล้ว ที่ผ่านมามีตอนไหนบ้าง ที่ถูกสอนให้เราจะรู้ว่า เราควรบริหารเงินที่ได้มาอย่างไร
ความรู้ด้านบริหารการเงินที่หล่นหาย ทำให้หลายคนตกอยู่ในหายนะทางการเงิน วิถีทางที่จะทำให้รอด คือ “วิ่งหนี” ความไม่รู้นั้นให้เร็วที่สุด และ “วิ่งชน” ความรู้ทางการเงิน เพื่อป้องกันหรือดึงตัวเองออกจากจุดนั้นซักที
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือหนุ่ม เดอะ มันนี่ โค้ช ผู้ที่เคยล้ม (เหลว) ทางการเงิน แต่ตัดสินใจลุกขึ้นมาฝึกวิ่งจนถึงเส้นชัยของการบริหารจัดการเงินที่เรียกว่าอิสรภาพทางการเงิน จะมาร่วมแบ่งปันวิธีวอร์ม วิธีวิ่ง และแนะนำเส้นทางที่ควรใช้ ผ่านบทสัมภาษณ์ใน Bottom Line Series ชุดพิเศษนี้ เพื่อให้ทุกคนวิ่งเข้าใกล้เส้นชัยทางการเงินไปพร้อมๆ กัน
- จุดสตาร์ทของการวิ่งในครั้งนี้ เริ่มจากการทำความรู้จักหน้าตาของเส้นชัย ที่เรียกว่า “อิสรภาพทางการเงิน”
อิสรภาพทางการเงิน เป็นคำที่มีความหมายปัจเจก เพราะโจทย์ของอิสรภาพทางการเงินมันจะต้องไม่มีคำว่า “ต้อง” เช่น ต้องมีเท่านั้น ต้องมีเท่านี้ เพราะอิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอยากจะใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ขณะที่บางคนอยากใช้ชีวิตในเมือง มีความจำเป็นในการใช้เงินที่ต่างกัน จึงไม่จำเป็นต้องมีเงินถึงร้อยล้าน พันล้าน อย่างที่หลายคนเข้าใจ
ฉะนั้น จุดเริ่มต้นของการมีอิสรภาพทางการเงิน คือต้องกำหนดรูปแบบชีวิตให้ชัดเจนก่อน ว่าชีวิตที่เราต้องการจริงๆ มันคืออะไร เพราะ “อิสรภาพทางความคิดต้องมาก่อน อิสรภาพทางการเงินถึงจะเกิดได้”
- อิสรภาพการเงินไม่ใช่แค่รายรับมาก
โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือพ่อรวยสอนลูก เคยให้นิยามอิสรภาพทางการเงินไว้ว่า รายได้จากทรัพย์สินมากกว่ารายจ่ายรวม คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าต้องสร้างรายได้มากๆ แต่โจทย์จริงๆ อยู่ที่รายจ่าย และทรัพย์สิน ถ้าตลอด 30 วันที่เราทำงาน นำเงินไปใช้จ่ายทั้งหมด ก็จะไม่มีทรัพย์สิน แต่ถ้านำเงินมาเก็บ ลงทุนหุ้น กองทุนรวม เก็บทองคำ ฯลฯ ก็จะสามารถสร้างทรัพย์สินที่มากกว่ารายจ่ายได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะรายได้น้อยหรือมาก หากมีความรู้ทางการเงินและบริหารเงินได้ ก็มีโอกาสพบกับอิสรภาพทางการเงินกันได้ทั้งนั้น
- เลิกถามซักทีเถอะว่า “เมื่อไหร่จะรวย”
หลายคนตั้งคำถามนี้กับตัวเองบ่อยๆ หรือใช้ตัดพ้อเมื่อเจอปัญหา แต่นี่ไม่ใช่ทางออกที่ดี และไม่มีใครตอบได้แม้แต่ เดอะ มันนี่ โค้ช!
“เมื่อไหร่ที่เรามีเวลาตั้งคำถามนี้กับตัวเอง แสดงว่าเรายังพยายามปรับตัวเองไม่พอ บางคนพูดคำนี้บ่อย ๆ แต่ยังไม่เคยคิดจริง ๆ จัง ๆ เลย คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินเขาไม่ค่อยมีเวลาหยุดถามตัวเองแบบนั้น เขาตั้งใจทำงานหนัก แล้วก็พอทำแล้วไม่เจอทางก็จะมาคิดต่อตลอดว่าต้องเปลี่ยนไหม ต้องทำอะไรเพิ่มหรือเปล่า”
ที่สำคัญยิ่งกว่า คือเราต้องรู้ก่อนว่า “รวย สำหรับเราคืออะไร” หลายคนมุ่งสร้างเงินหลักสิบล้านร้อยล้าน แต่ในความเป็นจริงชีวิตอาจต้องการเงินแค่ 3-4 ล้าน ก็ตอบโจทย์แล้ว แม้ตัวเลขจะดูไม่ได้มากมาย แต่กลับทำให้รู้สึกหมดกังวลเรื่องการเงิน และมีความสุข ก็เรียกว่ารวยได้เช่นกัน
“บริหารจัดการเงินเพื่อให้ชีวิตมีความสุข ไม่ใช่รวยแล้วจะมีความสุข เพราะมันอาจจะไม่ตอบโจทย์เราก็ได้”
- เมื่อ มันนี่ โค้ช ต้องโค้ชการเงินของตัวเอง
ที่ผ่านมาเห็น เดอะ มันนี่ โค้ชถือไมโครโฟนยืนตระหง่านอยู่ในเวที หน้าห้องอบรม หรือเป็นกูรูผู้ถูกเชิญไปบรรยายถึงวิธีบริหารจัดการการเงิน ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าในชีวิตจริง เดอะ มันนี่ โค้ช บริหารการเงินของตัวเองแบบไหน
ทีมงานจึงขอให้ โค้ช หนุ่ม เปิดกระเป๋าสตางค์ ให้ดูว่าในแต่ละวันพกอะไรบ้าง
- ผ่าง! ในกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาล เรียบหรูของเขา ประกอบด้วย
- เงินสดประมาณ 2,000 บาท - บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ - บัตรเครดิต 1 ใบ - บัตรประกันอุบัติเหตุ 2 ใบ - และใบเสร็จต่างๆ ประปราย
โค้ชหนุ่มเปิดพลางอธิบายว่า โดยปกติจะพกเงินสดติดกระเป๋าไว้ตลอดประมาณ 2,000 บาท สำหรับหยิบจับซื้อของเล็กๆ น้อยๆ หรือใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นต้องใช้เงินสดเท่านั้น
ส่วนการใช้จ่ายอื่นๆ ที่เหลือจะใช้ผ่านบัตรเครดิตเกือบทั้งหมด เพราะมีข้อดีที่สามารถย้อนดูรายการใช้จ่ายเงินได้เสมือนทำบัญชีรายจ่ายอยู่เสมอ หลักสำคัญคือการคุมยอดบัตรเครดิตแต่ละเดือนในวงเงินที่เหมาะกับชีวิต เมื่อสิ้นเดือนบรรจบมาถึงจะเอาเงินไปเคลียร์เต็มจำนวน รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ กลับมา
ในชีวิตประจำวัน เขาใช้บัตรเครดิตเพียงใบเดียวเท่านั้น! ในขณะที่หลายคนเลือกใช้บัตรเครดิตหลายใบ เพื่อเพิ่มโอกาสรับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน โดย โค้ชหนุ่ม ให้เหตุผลของการใช้บัตรเครดิตใบเดียวว่า “การใช้หลายใบไม่ผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องอยู่บนกติกาเดียวกัน เพราะกติกาที่สำคัญของการบริหารจัดการเงินของมนุษย์เพียงข้อเดียว คือตราบใดก็ตามที่เรายังบริหารการเงินไม่ให้มีปัญหาติดขัดถึงขั้นไม่พอใช้แล้วต้องกดมากินมาใช้ ถือว่าโอเคหมดเลย”
- พึงระวังกับดัก 0%
0% 10 เดือน หรือ 24 เดือน โปรโมชันยอดฮิตที่บรรดาบัตรเครดิตจัดขึ้นมาดึดดูดสายรูดปื้ดทั้งหลาย ที่จูงใจเป็นการผ่อนปลอดดอกเบี้ยสบายๆ หลายเดือน มองมุมไหนก็ดูคุ้มไปหมด แต่ที่ผ่านๆ มากลับมีคนต้องเสียประวัติกับโปรฯ นี้นักต่อนัก
เมื่อลองหันมามาถามประเด็นนี้กับโค้ชหนุ่ม ก็ได้คำตอบว่า การผ่อน 0% เป็นโอกาสทางการเงินที่ ไม่น่ากลัว แต่หลายคนที่ประสบปัญหาในการผ่อน 0% คือชอบ 0% พร้อมกันหลายอัน จนผ่อนไม่ไหวมันจะกลับทำร้ายเรา ฉะนั้นก่อนตัดสินใจผ่อนอะไรก็ตาม ต้องตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า มีความจำเป็นต้องใช้ของนั้นไหม และถ้าจำเป็น ก็ประเมินว่าสามารถผ่อนชำระได้ตลอดสัญญาหรือเปล่า ถ้าตอบ 2 คำถามนี้ได้ ก็สามารถใช้เครื่องมือเป็นตัวช่วยได้
- จุดอ่อนทางการเงิน ของกูรูทางการเงิน
ใครจะรู้ว่าโค้ชทางการเงิน ที่ผ่านการโค้ชให้กับคนอื่นๆ มานับไม่ถ้วน ก็แอบมีพฤติกรรมเล็กๆ ที่ต้องสูญเงินทุกครั้งได้เหมือนกัน
“ที่เห็นแล้วอดซื้อไม่ได้ คือหนังสือ”
เดอะ มันนี่ โค้ช ยอมรับว่าแม้ตอนนี้จะมีหนังสือเต็มบ้าน อ่านไม่หมด พลาสติกยังไม่แกะ แต่ก็ยังซื้อหนังสืออย่างต่อเนื่อง
“ตอนเด็กๆ มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก สมัยเรียนอยากจะอ่านวรรณกรรม ที่บ้านก็จะบอกว่าตังค์ไม่ค่อยมี อ่านหนังสือเรียนไปก่อน แล้วมาถึงวันนี้ก็เลยเข้าร้านหนังสือประจำ เจอหนังสือเก่าๆ สมัยเป็นเด็กที่เขาเอากลับมารีปริ้นท์ใหม่ ก็จะซื้อเก็บ ที่รัฐบาลบอกว่าจะให้ลดหย่อนภาษี 15,000 ต่อปี ตอนนี้เกินแล้วเพราะซื้อหนังสือเกิน (หัวเราะ) เป็นเพราะว่าเรามีความรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แล้วต้นทุนไม่สูงเมื่อเทียบกับทำอย่างอื่น หนังสือจึงเป็นการลงทุนหนึ่งที่คุ้มค่า และสามารถส่งต่อถึงรุ่นลูกได้”
นอกจากหนังสือแล้ว “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” ยังขึ้นแท่นของที่ทำให้กระเป๋าสตางค์สั่นระริก และตัดสินใจซื้อเอาง่ายๆ
“เป็นมันนี่โค้ช ก็ถูกหลอกล่อด้วยคลิป 3 นาทีได้นะ คือเราดูแล้วตื่นตาตื่นใจ เฮ้ยๆ ๆ ทันสมัยดีเว้ย แล้วเขาก็ล่อเราเร็วดี กด 3 ทีซื้อได้แล้ว ส่วนใหญ่ซื้อมาทดลอง อันนี้ไม่เวิร์คก็วางกองๆ ไว้ เช่น ไม้เซลฟี่ เลนส์กล้อง ฯลฯ มีความสุข และสนุกที่ได้ลองใช้ แบบนี้ก็มีเยอะอันนี้มีเต็มบ้านเหมือนกัน”
แม้ความอยากจะล่อตาล่อใจ เดอะ มันนี่ โค้ช จนยอมควักกระเป๋าได้ไม่น้อย แต่ “ความรู้ทางการเงิน” ที่เขามีกลับทำให้สามารถบาลานซ์เงินใช้ เงินเก็บ ได้สบายๆ
- เคล็ด(ไม่)ลับเก็บเงินฝ่ากิเลส ของเดอะมันนี่ โค้ช
“เราปฏิเสธความเป็นมนุษย์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ค่อยสอนให้คนหลีกเลี่ยงความเป็นมนุษย์ ถ้าเก็บเงินเยอะจนกระเบียดกระเสียนมันไม่เป็นมนุษย์”
ในเมื่อห้ามธรรมชาติของมนุษย์มีมักความสุขทุกครั้งที่ได้จับจ่าย หรือใช้เงินตอบโจทย์ชีวิตของตัวเองไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำคือใช้อย่างระมัดระวัง บนพื้นฐานของความรู้ทางการเงินเพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินที่จะตามมา
“อย่าเชื่อมือตัวเองมากนัก มนุษย์ชอบเชื่อมั่นในตัวเองว่าฉันรู้ฉันเข้าใจฉันจัดการได้แต่เอาจริงๆ น้อยคนมากที่ทำได้”
เก็บเงินสไตล์ เดอะ มันนี่ โค้ช เริ่มต้นจากการไม่เชื่อมือตัวเอง จึงใช้วิธีเก็บเงินตามคอนเซป “เงินที่เราไม่เห็นก็คือเงินที่เราไม่ได้ใช้” ซึ่งเป็นวิธีการเก็บเงินที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ตึงจนเกินไป และเป็นวิธีที่กูรูการเงินแทบทุกคนเลือกใช้
“ถ้าไม่ตัดก็รับประกันว่า มันนี่ โค้ช ก็กินหมดเหมือนกัน (หัวเราะ)”
โค้ชหนุ่มเล่าว่า การเก็บเงินอย่างมีวินัย เริ่มต้นง่ายๆ จากการตั้งระบบตัดเงินเก็บอัตโนมัติจากบัญชีอย่างน้อย 10% ทันทีที่ได้รับเงินเดือน หรือรายได้จากช่องทางต่างๆ ซึ่งเป็นการตั้งเป้าหมายว่าในเดือนหนึ่งเราไม่ควรออมได้น้อยกว่านี้ โดยเงินที่ตัดไปแล้ว มีหน้าที่ใช้ต่อยอดอย่างไร เช่น การลงทุน และห้ามนำเงินส่วนนั้นกลับมาใช้เด็ดขาด เพราะหากดึงเงินในอนาคตกลับมา ชีวิตจะไม่เคลื่อนไปข้างหน้า
ส่วนที่เงินที่เหลือหลังจากออมอัตโนมัติเรียบร้อยแล้วจะถูกใช้ไปกับการกิน ใช้ ซื้อของที่เป็นหรืออยากได้ ภายใต้การบริหารแบบหลวมๆ ให้เกิดความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ สร้างสมดุลระหว่างการบริหารเงินและการใช้ชีวิต
- บริหารเงินได้ ต้องบริหารชีวิตด้วย
ความสมดุลระหว่างทรัพย์สินนอกกาย และสุขสมในใจ เป็นเรื่องที่ โค้ช หนุ่ม กล่าวถึงซ้ำๆ ตลอดการสัมภาษณ์ จนต้องถามถึงเคล็ดลับการบริหารชีวิตของเขาบ้าง
“เป็นมนุษย์ 300%” คำตอบ ที่ทำเอาทีมงานแอบขมวดคิ้วเล็ก ๆ โค้ชหนุ่ม อธิบายว่า องค์ประกอบของการเป็นมนุษย์ 300% นั้นหมายถึงการแบ่งสัดส่วนความสำคัญของชีวิตแบบเต็มที่ในทุกๆ ส่วน
- 100% แรก คือการทำงานประจำ เติมทักษะตัวเองอยู่ตลอดเวลา
100% ที่สอง คือการแบ่งเวลา 1-2 ชั่วโมง หลังเลิกงานเพื่อศึกษาช่องทางการลงทุน ทางทำธุรกิจ หรือเริ่มพูดคุยกับเพื่อนที่สนใจคล้ายๆ กันเพื่อทดลองทำ
อีก 100% สุดท้าย คือการแบ่งเวลาสานสัมพันธ์ให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ เพราะชีวิตจะต้องหมุนไปด้วยกัน “คนหลายหลายคนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวประสบความสำเร็จแล้วเราจะมีเวลาให้กับทุกคนได้ จริงๆ ไม่ใช่ ความสุขต่างหากเป็นต้นทุนของความสำเร็จ”
ภาพฝันเดอะ มันนี่ โค้ช ในอีก 10 ข้างหน้า
เมื่อทีมงานถามว่า ในอนาคต เดอะ มันนี่ โค้ช จะยังเป็นโค้ชทางการเงินอยู่ไหม เสียงหัวเราะจากโค้ชหนุ่มเป็นคำตอบแรกของประโยค
“อันนี้ไม่แน่ใจ (หัวเราะ) เป็นคำถามที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะเป็นมันนี่โค้ชต่อไปไหม ตอนนั้นคงอายุ 55 ปีแล้ว ทุกวันนี้ก็เริ่มมีโค้ชเก่งๆ น้องที่เก่งๆ พัฒนาขึ้นมาเยอะ วันนั้นก็คงจะมีคนมาทำงานในส่วนตรงนี้น่าจะพอสมควร อีก 10 ปีข้างหน้าเราอาจจะไม่ได้เป็นโค้ชที่ยืนบรรยายแล้ว เพราะแรงก็อาจจะไม่มีเหมือนวันนี้ แต่ก็อยากจะทำระดับนโยบายไปผลักดันส่งเสริมให้คนสอนเรื่องการเงินกันให้มากขึ้น อยากจะผลักดันประเทศนี้ให้เรื่องของความรู้เรื่องการเงินส่วนบุคคลเป็นวาระแห่งชาติ”
ทุกวันนี้ทุกคนรู้อยู่อย่างเดียวคือ เงินไม่พอใช้ เงินขาดเราก็หารายได้เพิ่ม รัฐบาลก็จะส่งเสริมว่าทำยังไงให้หารายได้เพิ่ม ทำยังไงให้ช่วยเรื่องค่าครองชีพ แต่เอาจริงๆ แล้วมันมีสองมิติ ซึ่งคนเราต้องดูแลตัวเองก็คือการออม และการลงทุน เพราะฉะนั้นพอมันไม่ครบมิติ ชีวิตประจำวันเราบริหารเงินไม่ดี ตอนแก่ตัวเราจะลำบาก
“ประเทศไทยไม่ควรมี มันนี่โค้ช คนเดียวหรอก มันควรจะมี มันนี่ โค้ช เยอะๆ”
อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่น่าจับตาคือสโมสรฟุตบอล “สโมสรฟุตบอล Money Coach FC” ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่โค้ชทางการเงินคนนี้ ซุ่มทำอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ตามความชอบกีฬาฟุตบอลของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการเข้าไปอุปถัมภ์โรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ จ้างโค้ชเก่งๆ มาฝึกให้กับเด็กๆ ที่สนใจเพื่อผลักดันให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือเล่นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และการเรียน
“เราเป็นคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เราไปอยู่ในชุมชนไหนเราทำประโยชน์ได้เราก็อยากจะลองทำดู ติดตามสโมสร Money Coach FC เร็วๆ นี้”
เรื่องราวของ เดอะ มันนี่ โค้ช เป็นเพียงประสบการณ์จริงของผู้ที่เคยวิ่งเข้าเส้นชัยทางการเงินมาแล้ว หลังจากนี้ ใครอยากจะใช้เทคนิคเหล่านี้มาโค้ชการเงินของตัวเอง เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน หรือวิ่งหนีหุบเหวความจนก็ย่อมได้ ที่สำคัญคืออย่าลืมสวมชุด “ความรู้ทางการเงิน” ก่อนลงวิ่ง เพื่อป้องกันตัวเองจากสิ่งจูงใจระหว่างทาง
ความรู้ทางการเงิน คือ อาวุธสำคัญที่ทำให้ทุกคนวิ่งพ้นความจน