เบิกจ่ายงบล่าช้า เครื่องยนต์ ศก.สะดุด
ขณะที่ภาคธุรกิจเผชิญความเสี่ยง 3-4 ด้าน ล่าสุดต้องเผชิญปัญหาจากนักการเมือง เพราะมีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตน-ลงมติทั้งที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ส่งผลต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ต้องล่าช้าออกไป ย่อมไม่เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทยเป็นแน่
ปี 2563 ภาคธุรกิจไทยจะต้องเผชิญความเสี่ยงที่เป็นปัจจัยหลัก 3-4 ด้าน ปัจจัยจากต่างประเทศคือศึกการค้าโลกที่กระทบกับการส่งออกโดยตรง แต่ผ่านไปครึ่งเดือนแรกของปี หรือเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา มีท่าทีคลี่คลายลง หลังจากสหรัฐกับจีนบรรลุข้อตกลงในการลงนามข้อตกลงทางด้านสินค้าเกษตร การเจรจาเฟสแรกจึงผ่านไปด้วยดี ต่อมาเป็นปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ เงินบาทที่แข็งค่ามากจนกระทบต่อความสามารถการแข่งขัน แนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าได้อีก คาดว่าจะหลุดกรอบ 30 บาทต่อดอลลาร์
ต่อมาเป็นปัญหาภัยแล้งที่จะกระทบรายได้ภาคเกษตร เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลักที่เหลือต่ำจนอาจทำให้ปัญหารุนแรงกว่าปีกลาย และอีกเรื่องที่เป็นความเสี่ยง มาจากภาครัฐนั่นคือการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า เห็นได้จากไตรมาสแรกของปีงบ เบิกจ่ายเพียง 23% เป็นงบประจำจ่ายตามเกณฑ์ ส่วนงบลงทุนทำได้เพียง 8% ขณะที่งบประมาณเพิ่งผ่านรัฐสภา จนหวังกันว่าเมื่อมีผลบังคับใช้จะเป็นตัวช่วยเร่งเบิกจ่ายงบประจำที่เหลือให้เต็มที่ เร่งรัดการใช้จ่ายงบลงทุนให้ตามเป้า กระทั่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ม.ค. โดยสำนักงบประมาณประกาศว่าจะเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณไตรมาส 2 หรือเดือน ม.ค.-มี.ค. ให้ขึ้นไปอยู่ที่ 54% คาดว่าจะมีเงิน 1 ล้านล้านบาท เข้าไปในระบบเศรษฐกิจ
กำลังจะเป็นข่าวดีของภาคเอกชนและเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้กลับต้องเผชิญปัญหาที่มาจากนักการเมือง เป็นนักการเมืองที่มาจากพรรคภูมิใจไทย มีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติทั้งที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม อาจนำไปนำไปสู่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากส่งผลต่อกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เนื่องจากมีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติทั้งที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรวม 174 คน ต้องเข้าชื่อกันยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หวังจะเป็นทางออก ทว่าขั้นตอนกว่าจะสิ้นสุดอาจจะใช้เวลา 1-2 เดือน หมายความว่างบประมาณจะต้องล่าช้าออกไปอย่างแน่นอน
เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทันทีในตลาดเงินตลาดทุน ย่อมไม่เกิดผลดี ภาคธุรกิจซึ่งมองว่าการใช้จ่ายภาครัฐเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ ต่างหวาดวิตก หลังมีข่าว ส.ส.เสียบบัตรแทน ขาดความเชื่อมั่น เกรงว่าจะส่งผลให้ พ.ร.บ.งบประมาณมีปัญหาหรือโมฆะ เมื่อโครงการขนาดใหญ่ของรัฐสะดุด กระทบการลงทุนและจัดซื้อจัดจ้าง ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของเอกชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจไทยวันนี้จึงเผชิญวิบากกรรมที่เกิดจากนักการเมืองคุณภาพต่ำ