สธ.เล็งกักตัวกลุ่มคนไทยทันทีที่กลับจากอู่ฮั่น 14 วัน ดูอาการ
สธ.เล็งกักตัวกลุ่มคนไทยทันทีที่กลับจากอู่ฮั่น 14 วัน ดูอาการ ยังไม่พบคนไทยป่วยโคโรน่าเพิ่ม
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ไทยยังมีความเสี่ยงหากยังมีคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศ แต่สิ่งที่เราสนใจ เชื้อโรคไวรัสโคโรน่าแพร่อย่างรวดเร็วเพียงใด และโอกาสเสียชีวิตมีมากน้อยแค่ไหน สำหรับความเสี่ยงคนปกติจะมีโอกาสติดเชื้อนั้น ปัจจุบันผู้ป่วยในประเทศไทยมีน้อยมาก หากไม่ได้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ โอกาสแทบเป็นศูย์ ส่วนการสัมผัสมี 2 ลักษณะ คือ หายใจนำละอองเชื้อเข้าไป ไอ และจาม ทั้งนี้ แต่ละคนมีความเสี่ยงไม่เท่ากัน
สำหรับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ในวันนี้ (1 กุมภาพันธ์) เวลา 08.00 น. พบผู้ป่วยติดเชื้อนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 12 ราย กลับบ้าน 7 ราย รวมสะสม 19 ราย ขณะที่ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมจำนวน 344 ราย คัดกรองจากสนามบิน 39 ราย มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอง 305 ราย อนุญาตกลับบ้าน 70 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และยังคงรักษาในโรงพยาบาล 274 ราย และเมื่อวันที่ 31 มกราคม พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่อีกจำนวน 64 ราย สาเหตุที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเราขยายวงการเฝ้าระวังเป็นนักท่องเที่ยวจีนทุกคนที่เดินทางมาประเทศไทยรวมถึงคนไทยที่ทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับคนจีน
ในขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกใน 22 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5 - 30 มกราคม พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 9,819 ราย ส่วนประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม พบผู้ป่วย 9,692 ราย เสียชีวิต 213 ราย
ส่วนการนำคนไทยที่ติดอยู่ที่อู่ฮั่นกลับประเทศนั้น ขณะนี้ ทราบว่ารัฐบาลพยายามโดยให้กรมกงสุลประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำกลุ่มคนไทยกลับมาอย่างเร็วที่สุด ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคเป็นอย่างดีที่สุด หากพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังจะแยกเข้ารับรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนกลุ่มที่ไม่มีอาการจะมีการตรวจคัดกรองเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มข้นโดยทีมแพทย์จนครบกำหนด 14 วัน แต่จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ติดตามคนไทยที่อยู่ในอู่ฮั่นทราบว่าไม่มีคนไทยคนใดป่วย สำหรับการกำหนดวันนั้นต้องรอรัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศแจ้งอีกครั้ง
นพ.ธนรักษ์ กล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ภายหลังจากองค์การอนามัยโลกประกาศสภาวะฉุกเฉิน เพราะเรามีมาตรการคัดกรองที่เข้มข้นอยู่แล้ว รวมถึงระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง
"แต่ตราบใดที่ยังมีคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศ ไทยก็ยังมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสมของแต่ละคน ซึ่งจะต้องรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และตราบใดที่เราไม่ได้รับความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวในเรื่องการตรวจคัดกรอง เมื่อถึงเวลานั้นผู้บริหารประเทศจะมีวิธีคิดว่าจะจัดการความเสี่ยงอย่างไรต่อไป ส่วนที่สหรัฐอเมริกาประกาศสภาวะฉุกเฉินนั้น ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์หรือจัดการความเสี่ยง ทั้งนี้ ไม่อยากให้ประเทศไทยตัดสินใจตามประเทศอื่นๆ เพราะเรามีการวิเคราะห์ พิจารณาของเราเอง" นพ.ธนรักษ์ กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ทางกรมการแพทย์ได้ผู้เชี่ยวชาญร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาดูแลเพื่อเป็นแนวทางให้กับกระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรคตามที่กำหนด นอกจากนี้ จะมีการปรับระบบการดูแลผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังและผู้ป่วยทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน โดยจัดการประชุมในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นี้ และในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จัดอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทั้งของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มั่นใจเรื่องการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
ขณะที่ นพ.ยงยศ กล่าวถึงผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นคนขับรถแท็กซี่ และนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นอนรักษาตัวอยู่ที่เชียงรายทุกคนไม่ได้มีปัญหาอะไร และอยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง เมื่อผลตรวจออกมาเป็นลบก็จะปล่อยให้กลับบ้าน