'รังสิมันต์ โรม' ลงพื้นที่ภูเก็ต รับฟังปัญหาสภาพลเมือง ชูแก้รัฐธรรมนูญเพื่อกระจายอำนาจ
'รังสิมันต์ โรม' ลงพื้นที่ภูเก็ต รับฟังปัญหาสภาพลเมืองณ ณ ห้องประชุมศาลาประชาคม อ.เมือง จ.ภูเก็ต ชูประเด็นแก้รัฐธรรมนูญเพื่อกระจายอำนาจ
วันที่ 1 ก.พ.63 ณ ห้องประชุมศาลาประชาคม อ.เมือง จ.ภูเก็ต สภาพลเมืองภูเก็ต ได้จัดเวทีคนภูเก็ตพบ ส.ส. โดยมีนายสุธา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.เขต 1 พรรคประชารัฐ และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ร่วมรับฟังการสะท้อนปัญหาจากพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตประมาณ 120 คน
โดยในเวทีดังกล่าวมีประเด็นในการพูดคุยปัญหาเร่งด่วน ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตหลายประเด็น อาทิ
1. น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
2. การจราจร/การขนส่งมวลชนภูเก็ต
3. ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
4. การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ
5. สิ่งแวดล้อม (เน้นน้ำเสียและขยะ)
6. แล้วทางการพัฒนาย่านเมืองเก่าภูเก็ต
7. การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า “แม้ว่าตนเองจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ แต่เกิดและโตที่จังหวัดภูเก็ต เรียนหนังสือที่ภูเก็ตจนถึงช่วงมัธยมต้น ดังนั้นจึงเป็นลูกหลานของพี่น้องชาวภูเก็ต หลังจากเป็นผู้แทนก็ได้เดินทางมาลงพื้นที่รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องชาวภูเก็ตอยู่เป็นประจำ ในส่วนของประเด็นปัญหาต่างๆที่ได้มีการนำเสนอในเวทีวันนี้ ส่วนตัวมองว่าคนภูเก็ตต้องมองจังหวัดภูเก็ตในฐานะการเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ตัวเองเชื่อว่าในแง่ต้นทุนด้านการท่องเที่ยว ภูเก็ตสามารถจะมีศักยภาพแบบเกาะฮ่องกง หรือสิงคโปร์ได้”
“ดังนั้นปัญหาต่างๆที่พี่น้องได้สะท้อนในวันนี้ เฉพาะหน้าก็คงต้องนำเสนอต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะเรื่องภัยแล้ง แต่ไม่เชิงระยะยาวมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผลักดันวาระภูเก็ตมหานคร ภูเก็ตจัดการตนเอง ผู้ว่าฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรเชื่อมโยงและนำไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ”
ด้าน นายสุธา ประทีป ณ ถลาง กล่าวว่า ”แม้ตนเองจะเป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีข้อจำกัด ห้าม ส.ส. แปลญัตติงบประมาณลงจังหวัดตัวเอง และไม่มีงบพัฒนาจังหวัดให้ส.ส.เขตใช้มาในอดีต ดังนั้นปัญหาเร่งด่วนหลายเรื่องจึงต้องพยายามผลักดันผ่านรัฐบาล และตนเองก็พยายามประสานงานหน่วยงานรัฐต่างๆ เช่นเรื่องการจราจรในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการแก้ไข”
ทั้งนี้ทางคณะผู้จัดงานสภาพลเมืองภูเก็ต ได้กล่าวในช่วงท้ายว่าจะพยายามจัดเวที เช่นนี้ อย่างน้อย 3 เดือนครั้ง ซึ่งจะพยายามเชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาร่วมทุกครั้ง