'ปารีณา' ยันไม่ใช้เส้น 'รมต. พปชร.' บีบนง.ป่าไม้ยุติฟ้องร้องบุกรุกป่า
“ปารีณา” ยันไม่ใช้เส้น "รมต. พปชร." บีบนง.ป่าไม้ยุติฟ้องร้องบุกรุกป่า พร้อมต่อสู้ทุกคดี จ่อฟ้องคืนคนที่กล่าวหา-สร้างความเสียหาย ด้าน “ทศพล” มั่นใจรอดคดี
เมื่อเวลา 16.45 น. น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความของพรรคพลังประชารัฐ แถลงต่อกรณีที่กรมป่าไม้ และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เตรียมฟ้องร้องข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า
ทั้งนี้ นายทศพล กล่าวว่า ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตนฉงนในการตีความดังกล่าว แต่เพื่อเตรียมการต่อสู้คดี หาก ส.ป.ก. หรือกรมป่าไม้จะฟ้องร้องคดี ผ่านการสอบถามข้อมูลจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่มีพื้นที่และที่ดินโดยรอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา ซึ่งในบางรายพบว่าถูกออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามในการหาข้อมูลจากชาวบ้านนั้น เป็นลักษณะของการได้มาซึ่งที่ดิน, การออกโฉนดที่ดิน ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้น ตนจะไม่นำไปใช้เป็นตัวประกัน หากเกิดกรณีที่หน่วยงานป่าไม้ฟ้องร้อง น.ส.ปารีณา จริง ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้น.ส.ปารีณา ระบุว่าได้คืนที่ดินแล้วจึงไม่ผิดนั้น ถือเป็นคนละเรื่องที่ยังต้องรอพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
“ผมมั่นใจตั้งแต่รับงานสู้คดีนี้ ว่ากรณีของคุณปารีณานั้นไม่มีเจตนาจะบุกรุก ซึ่งกรณีของคุณปารีณาจะไม่มีปัญหา แต่เพราะชื่อปารีณาจึงมีปัญหาเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในรูปคดีของคุณปารีณานั้นมีลักษณะคล้ายกับกรณีเขาแพง ของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งผมได้ปรึกษาทีมทนายที่ทำคดีดังกล่าวไว้ด้วยเช่นกัน” นายทศพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง จะฟ้องร้องบุคคลที่สร้างความเสียหาย ทั้ง กรณีที่กล่าวหาว่ารุกพื้นที่ป่า เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง ซึ่งตนขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนเมื่อรายงานข่าวกรณีของตนขอให้ระบุชื่อคนให้สัมภาษณ์ด้วยเพื่อที่ตนจะพิจารณาฟ้องร้อง ดำเนินคดี
“ที่ผ่านมาดิฉันเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ และถูกกระทำมากกว่าบุคคลอื่น เช่นกรณีที่ส.ป.ก. ระบุให้ออกจากที่ป่า 7 วัน แต่ของชาวบ้านรายอื่น 3 เดือนยังไม่ออก และยังขู่ว่า จะใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการ ส่วนกรณีที่มีการตรวจสอบว่าดิฉันรุกที่ป่าเพิ่มเติมนั้น ยังไม่เห็นรายละเอียดและข้อเท็จจริง แต่หากจะฟ้องร้องคดี ดิฉันพร้อมจะต่อสู้ทุกคดี” น.ส.ปารีณา กล่าว
น.ส.ปารีณา แถลงด้วยว่าขณะที่การตีความของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้นตนสามารถโต้แย้งได้ เพราะมีสถานะเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ไม่ใช่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามตนดีใจที่ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ส่งนายทศพล ฝ่ายกฎหมายช่วยดูแล เนื่องจากตนไม่มีความรู้เรื่องป่าไม้ หรือ ส.ป.ก.ดังนั้นในการต่อสู้คดีดังกล่าว ไม่รู้สึกกังวล