เปิดสาเหตุ 'HSBC' ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ธนาคารเอชเอสบีซีพยายามลดต้นทุน หลังจากเผชิญความไม่แน่นอนมากมาย สาเหตุจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป และไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ระบาดในจีน

แม้ธุรกิจเอเชียของเอชเอสบีซีจะไปได้ดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากจีน แต่ธุรกิจในยุโรปกับสหรัฐกลับน่าผิดหวัง

โนเอล ควินน์ รักษาการประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แทนจอห์น ฟลินต์ ที่ถูกปลดแบบไม่คาดฝันในเดือน ส.ค. ได้รับมอบหมายให้ยกเครื่องเอชเอสบีซี ธนาคารใหญ่กิจการครอบคลุมกว่า 50 ประเทศ แต่กำไรส่วนใหญ่มาจากเอเชีย

วานนี้ (18 ก.พ.) เอชเอสบีซีแถลงว่า กำไรประจำปี 2562 ร่วงลง 33% เทียบกับที่เคยทำกำไรได้ 1.98 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.33 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ประเมินกันไว้ราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนใหญ่เป็นการลงบัญชีหนี้สูญเกี่ยวข้องกับการลงทุนและธุรกิจธนาคารในยุโรป และในไตรมาส 4 ปี 2562 ยังขาดทุนก่อนหักภาษีอีก 3.9 พันล้านดอลลาร์

พร้อมกันนั้น เอชเอสบีซีประกาศแผนลดต้นทุน 4.5 พันล้านดอลลาร์ และเผยรายละเอียดปรับโครงสร้างเพิ่มเติมในพื้นที่ไม่ทำกำไร โดยเฉพาะธุรกิจในสหรัฐและยุโรป

“ผลการปฏิบัติการของกลุ่มในปี 2562 ฟื้นตัว แต่ธุรกิจหลายส่วนไม่ได้ให้ผลตอบแทนในระดับยอมรับได้” รักษาการซีอีโอกล่าว

ปีที่แล้ว เอชเอสบีซีเคยประกาศแผนลดพนักงานราว 4,700 คน ส่วนใหญ่อยู่นอกธุรกิจที่มีกำไรในภูมิภาคจีน แถลงการณ์วานนี้ให้รายละเอียดชัดเจนขึ้น

โฆษกเอชเอสบีซีแถลงว่า ธนาคารจะลดพนักงานลงจาก 235,000 คน เหลือราว 200,000 คนในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ข้อมูลดังกล่าวเท่ากับว่าลดพนักงานทั่วโลกลงราว 15% แต่ตัวเลขที่แท้จริงยังไม่สรุปนอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขายสินทรัพย์ราว 1 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2565 และลดต้นทุนลง 4.5 พันล้านดอลลาร์

ในสหรัฐ เอชเอสบีซีมีแผนลดสาขาลงราว 30% รวมงานสนับสนุนและสาขาขนาดกลางเข้าไว้ด้วยกัน ลดต้นทุนปฏิบัติการลง 10-15% โดยจะรักษาปันผลไว้แต่อาจลดฝ่ายขาย ค้าหลักทรัพย์ และวิจัยหลักทรัพย์ในยุโรปลง แล้วย้ายทรัพยากรจากอังกฤษไปยังเอเชีย

ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวเคยเผยกับเอเอฟพีว่า เอชเอสบีซีพยายามขายธุรกิจธนาคารสำหรับลูกค้ารายย่อยในฝรั่งเศส ที่จ้างพนักงาน 8,500 คน แต่รายงานรายได้ไม่ระบุเรื่องนี้ไว้

สิ่งดีๆ ของธนาคารยังคงอยู่ในเอเชีย ที่ทำรายได้ให้ครึ่งหนึ่ง และทำกำไรให้กลุ่มถึง 90% ในระยะหลัง ปีที่แล้วกำไรปรับลดค่าแล้วก่อนหักภาษีในเอเชียเพิ่มขึ้น 6% มาอยู่ที่ 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์

แม้แต่ในฮ่องกงที่เกิดการประท้วงนานหลายเดือน ก็มีกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 1.21 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ต้องมาเจอกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ธนาคารยอมรับว่า ผลจากการแพร่ระบาดทำให้เอชเอสบีซีลดประมาณการเติบโตของในเอเชียประจำปีนี้ลง

ส่วนราคาหุ้นเอชเอสบีซีในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงวานนี้ ร่วงลง 2.2% เกินกว่าดัชนีหั่งเส็ง