‘วิลล่า เดอ พระนคร’ แก้เกมโคโรนา ปรับปรุงโรงแรมเพิ่มรอตลาดฟื้น
“วิลล่า เดอ พระนคร” โรงแรมเปิดใหม่ รับการระบาดไวรัสโคโรนากระทบเปิดตัวโรงแรม เดินแผนปรับปรุงโรงแรมเพิ่ม รอทัวริสต์จอง ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการ มี.ค.นี้ หลังทุ่มเงิน 200 ล้านบาทรีโนเวตอาคารพาณิชย์เป็นบูติกโฮเทลระดับ5ดาวแห่งแรกในย่านสามยอด
นายก่อเกียรติ กิตติสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านสำราญราษฎร์ จำกัด เจ้าของโรงแรมวิลล่า เดอ พระนคร ซึ่งเป็นโรงแรมบูติกระดับห้าดาวแห่งแรก ย่านสามยอด กล่าวว่า แม้โรงแรมฯจะเพิ่งเปิดใหม่ ให้บริการอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีกำหนดเปิดเป็นทางการในเดือน มี.ค.นี้ แต่เมื่อภาคท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อการเปิดตัวของโรงแรมใหม่ในช่วงนี้ เพราะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และนักท่องเที่ยวต่างชาติกลัวไปหมด แต่เชื่อว่าเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนและอุณหภูมิในประเทศจีนอุ่นขึ้น สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
“เรามองว่าถือเป็นโอกาสของโรงแรมฯในการปรับปรุงเพิ่มเติม ให้เรามีความพร้อม100%ก่อนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการระหว่างรอวิกฤติไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะจบลงภายใน 3 เดือนนับจากนี้ ทั้งนี้ไม่ถือว่าผิดแผนแต่อย่างใด เพราะผลการดำเนินงานของโรงแรมเปิดใหม่จะค่อยๆดีขึ้นอยู่แล้ว ถ้าไม่มีไวรัสโควิด-19 ก็อาจจะขึ้นเร็วกว่านี้ โดยก่อนหน้านี้คาดมีอัตราเข้าพัก 20%ในปีแรก และเพิ่มเป็น 60%ในปีที่ 2 เป็นต้นไป”
อย่างไรก็ตาม โรงแรมฯยังคงราคาห้องพักในช่วงเปิดตัวให้ใกล้เคียงกับที่ตั้งไว้แต่แรก เริ่มต้นที่คืนละ 4,800บาท สำหรับห้องพักมาตรฐาน และคืนละ 15,000 บาทสำหรับห้องสวีท มีแนวโน้มขยับขึ้น 20-30% ภายใน 1-2 ปีนับจากนี้ โดยกลุ่มลูกค้าที่โฟกัสมีทั้งชาวยุโรปและเอเชียในสัดส่วนเท่ากันที่ 50%ในกลุ่มนักท่องเที่ยวลักชัวรีที่ชื่นชอบความเงียบสงบและชอบเดินทางชมวิถีชีวิต หนึ่งในนั้นมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 สิ้นสุดลง จะเดินหน้าทำกิจกรรมทางตลาดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโรงแรมวิลล่า เดอ พระนคร มีขนาดห้องพักรวม 47 ห้อง บนพื้นที่เกือบ1ไร่ ใช้งบฯลงทุน 200 ล้านบาทในการปรับปรุงจากอาคารพาณิชย์เดิมบนที่ดินมรดกของครอบครัวอายุ 100 ปี เริ่มปรับปรุงอาคารเมื่อต้นปี 2562 คาดใช้เวลาคืนทุนราว 6-7 ปี โดยว่าจ้างให้ยูนิคอร์น ฮอสพิทัลลิตี้ เชนโรงแรมบูติกแนวสมัยใหม่เข้ารับบริหารงาน และตั้งเป้าผลักดันโรงแรมฯให้เป็นแลนด์มาร์กของเกาะรัตนโกสินทร์
“ช่วงนี้เราต้องโฟกัสตลาดอื่นๆ แทนจีนก่อน โดยยังมั่นใจศักยภาพกรุงเทพฯซึ่งเป็นเมืองอันดับ1ของโลกที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด ขณะที่ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวไทยจะยังเติบโตได้หลังจากผ่านพ้นวิกฤตินี้” นายก่อเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ จากรายงาน Asia Travel & Hospitality Outlook 2020 ของ STR ระบุว่า ธุรกิจโรงแรมในเมืองทั่วภูมิภาคเอเชียได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 รวมถึงกรุงเทพฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักหรือ RevPAR ของโรงแรมในกรุงเทพฯตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ.2563 ติดลบ 6%ในขณะที่รายงานมีการคาดการณ์ว่าหลังจากวิกฤติผ่านพ้นไปจะสามารถฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2564-2566 ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยจะมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาในเอเชียสูงถึง 90 ล้านคน
ด้านนายมาร์ค บุลเมอร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท กล่าวว่า เพิ่งเปิดให้บริการโรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท ขนาด 338 ห้องพัก อย่างเป็นทางการวานนี้ (19 ก.พ.) ตามแผนเดิมที่วางไว้ หลังเตรียมการเปิดตัวมาระยะหนึ่ง แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามา แต่ก็ถือเป็นความท้าทายของโรงแรมฯ เพราะนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดสำคัญของท่องเที่ยวไทย เมื่อหายไปก็ย่อมกระทบต่อท่องเที่ยวไทย อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเหมือนทุกครั้งที่ไทยผ่านวิกฤติมาได้