'โฆษกศาล' แถลงเหตุอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา ต่อรองล้มคดี
"สราวุธ" ลั่นเหตุ "อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา" เพื่อต่อรองคดีเป็นเหตุร้ายเเรงไม่เคยเกิดมาก่อน ระบุทีมอุ้มมาดักรอหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อน 1 ชม. วงจรปิดจับได้มั่นใจหลักฐานรัดกุม เตรียมพิจารณาจัด “คอร์ทมาเเชล” เฝ้าระวังเหตุร้าย
เมื่อวันที่ 23 ก.พ.63 เวลา 14.00 น. นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ที่มีการอุ้ม นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 70 ปี พี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ และเป็นเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เพื่อให้ยกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย พรรคพลังประชาชน เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 265,268 จากกรณีการโอนหุ้นนายชูวงษ์ร่วม 300 ล้านบาท ว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 17.30 น.ได้มีคนร้ายจากเท่าที่ปรากฎหลักฐาน 3-4 คนร่วมกันอุ้มลักพาตัว นายวีรชัย ขึ้นรถที่จอดเตรียมมาตรงบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้
ในวันเดียวกันนั้น ภายหลังจากที่มีการลักพาตัว กลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อข่มขู่คดีโดยขอให้ยกฟ้องในคดีโอ้นหุ้นนายชูวงษ์ หลังจากนั้นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงเข้าเเจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
ทางสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (ตร.) เเละมีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นในวันดังกล่าวโดยทันที และได้สืบสวนสอบสวนติดตามคดีเรื่อยมา เเต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน เรื่องดังกล่าวจึงต้องอยู่ในชั้นความลับไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้
จนกระทั่งทางทีมสืบสวนสอบสวนสามารถสืบจนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องก่อเหตุคือใครบ้าง รวมทั้งทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันอยู่กับเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ เเละการโอนหุ้น 300 ล้านบาท เมื่อมีการรวบรวมพยานหลักฐานทีมสืบสวนจึงได้ติดตามสถานที่กบดานคนร้ายจนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาจึงได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว
นอกจากนี้ ยังมีการขอหมายค้น 20 กว่าจุดในการหาพยานหลักฐานมัดตัวคนร้ายครบถ้วน ซึ่งทราบมาว่าตอนนี้สามารถจับคนร้ายได้ 3 คนเเล้วเเละกำลังตามจับบางส่วนที่หลบหนีอยู่ ส่วนเรื่องจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นถ้าสืบสวนไปเกี่ยวพันถึงใคร ตำรวจจะขอหมายจับเพื่อนำมาดำเนินคดีต่อไป
ในวันนี้ ตนเองพร้อมด้วย ,นายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ,นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นตัวเเทน นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ ได้เดินทางไปให้กำลังใจผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ และแจ้งข่าวให้ได้ทราบผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ยังอยู่ในภาวะเสียใจ ซึ่งทางสำนักงานศาลก็ได้ดูเเลความปลอดภัยให้ตั้งเเต่วันที่ 4 ก.พ.และได้ประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหน่วยคุ้มกันดูแลความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันภายหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
สำหรับการคุ้มกัน นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือคอร์ท มาร์แชล จะเข้าไปเสริมการดูแลในเรื่องคุ้มกัน และการเดินทางปฏิบัติหน้าที่ คดีนี้หลักฐานทั้งหมดที่ทางศาลเรามี เราส่งให้ตำรวจกองปราบหมดแล้ว กล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนได้ตั้งแต่มาดักรอที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อนลักพาตัวประมาณ 1 ชั่วโมง
ส่วนเรื่องวงจรปิดจับภาพนาย บรรยินได้เลยหรือไม่นั้น ต้องถามทางเจ้าหน้าที่ซึ่งแจ้งว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนในการออกหมายจับนายบรรยินกับพวกแล้ว ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในสำนวนสอบสวนที่ทางตำรวจจะแถลงต่อสื่อมวลชนเอง เรื่องนี้เราต้องขอบคุณทาง ผบ.ตร.ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก จนสามารถจับตัวคนร้ายได้
“เหตุการณ์การจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้ตัดสินคดีที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องกระทบความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษา” เลขาสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าว
นายสราวุธ ระบุอีกว่า หลังจากนี้หน่วยของศูนย์รักษาความปลอดภัยตาม พรบ.ตำรวจศาล มาตรา5 ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ และความปลอดภัยของตัวบุคคล ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องวางมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ต่อไปถ้าหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลเราก็จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด เราอาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลโดยเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมเพื่อบรรจุเเต่งตั้งชุดใหม่ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด