Crab Bank ฟื้นฟูปูม้าไทย I Green Pulse
นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี อาสาร่วมแก้ปัญหาปริมาณปูม้าลดลงจนใกล้วิกฤติ เหตุจากการทำประมงเชิงพาณิชย์อย่างขาดจิตสำนึก โดยนำภูมิปัญญาชาวบ้านเรื่องการฟื้นฟูปริมาณปูม้า ผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่
ได้เป็น“Crab Bank” เครื่องอนุบาลปูม้า ที่เพิ่มอัตราการรอดของลูกปูได้สูงถึง10เท่าตัว ผลงานของ สิทธิพร จันทานิตย์ และ ภานุวัฒน์ อักษรคง นักศึกษา ปวส.2จากวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ1จากโครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์ “Enjoy Science: Young Maker Contest” ปีที่4โดย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
โดยเครื่องนี้จะทำงานแบบอัตโนมัติ คือ การใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เพื่อป้องกันไฟดับเพราะหากไฟดับเครื่องเติมอากาศเข้าสู่ถังอนุบาลปูจะไม่ทำงาน ซึ่งอาจทำให้ปูขาดอากาศตาย การใช้โซลาร์เซลล์จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า2,000กิโลวัตต์-ชั่วโมง/ปี และลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สิทธิพร กล่าวว่า ปริมาณปูม้าในทะเลไทยกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาปริมาณการเกิดของปูม้าตามธรรมชาติน้อยกว่าปริมาณที่ตลาดต้องการถึงร้อยละ 10สาเหตุสำคัญมาจากการเร่งจับปูเพื่อจำหน่ายทำกำไรในช่วงที่ปูม้ากำลังได้รับความนิยมในการบริโภคสูง แม้ปูที่จับมาได้จะเป็น ‘ปูไข่นอกกระดอง’(แม่ปูระยะที่ขับไข่มาไว้ที่บริเวณจับปิ้ง ใกล้จะสลัดไข่ออกจากตัวเพื่อฟักเป็นลูกปู) ก็ยังถูกนำไปจำหน่ายเช่นกัน
“จึงได้ศึกษาวิธีการฟื้นฟูปริมาณปูม้าจากธนาคารชุมชน บ้านแหลมโพธิ์ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งชาวประมงท้องถิ่นที่นั่นมีการจัดการเพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งการรณรงค์ให้ความรู้ และทำหน้าที่อาสาในการขยายพันธุ์ปูม้า โดยให้ชาวประมงนำปูไข่นอกกระดองที่จับได้มาอนุบาลที่ธนาคารแห่งนี้จนแม่ปูสลัดไข่ออกจากตัว เพื่อนำไข่ปูม้าไปปล่อยลงทะเล
ส่วนแม่ปูที่สลัดไข่แล้วก็สามารถนำไปจำหน่ายต่อได้ดังเดิม ด้วยวิธีการนี้ชาวประมงจะไม่เสียรายได้ และยังไม่ตัดโอกาสที่ปูม้าจะได้ขยายพันธุ์ต่อตามธรรมชาติอีกด้วย ดังนั้นเพื่อช่วยสนับสนุนให้การทำงานของธนาคารชุมชน‘สะดวก’และ‘มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น’ จึงได้นำองค์ความรู้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวประมงท้องถิ่น มาผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนได้เป็น‘Crab Bank’เครื่องอนุบาลปูม้าแบบอัตโนมัติ ที่ลดการใช้แรงงานคนในการดูแล ลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ลูกปูตาย และประหยัดพื้นที่ในการทำงาน”
Crab Bank เป็นเครื่องอนุบาลปูม้าแบบอัตโนมัติโดยตัวเครื่องแบ่งออกเป็น3ส่วน ลักษณะแบบคอนโดมิเนียมส่วนบนสุดคือถังเก็บและกรองน้ำเค็มที่สูบมาไว้ใช้ในการเลี้ยงปูชั้นที่2ชั้นอนุบาลปูม้าไข่นอกกระดองชั้นนี้จะมีถังสำหรับอนุบาล9ถัง1ถังกลาง และ8ถังล้อมรอบ โดย1ถังจะสามารถอนุบาลปูม้าไข่นอกกระดองได้1ตัว ส่วนชั้นที่3คือชั้นอนุบาลลูกปู มีลักษณะเป็นถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับการอนุบาลลูกปูปริมาณมาก
“การทำงานของCrab Bank เพียงนำปูไข่นอกกระดองมาใส่ถังชั้นที่ 2 แล้วกดปุ่มควบคุม ระบบจะคำนวณระยะเวลาการอนุบาลและเติมน้ำลงสู่ถังสำหรับเลี้ยงปูไข่นอกกระดองให้โดยอัตโนมัติ กระทั่งเมื่อปูสลัดไข่แล้ว ไข่ใน8ถังรอบนอก จะถูกนำลงไปปล่อยลงสู่ทะเล โดยอาศัยความร่วมมือของคนในชุมชนและนักท่องเที่ยว เพื่อให้ฟักต่อตามธรรมชาติ
ส่วนไข่ในถังกลางจะถูกปล่อยลงสู่ชั้นที่3ชั้นอนุบาลลูกปู เพื่ออนุบาลไข่จนฟักเป็นตัวและเลี้ยงดูต่อจนตัวมีขนาดประมาณ1เซนติเมตรเพื่อเพิ่มโอกาสรอด ก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติผ่านท่อที่ต่อตรงจากเครื่องไปยังป่าชายเลนสำหรับขั้นตอนการปล่อยเครื่องจะมีระบบเซนเซอร์แบบ IoT (Internet of Things) ตรวจวัดค่าความเค็มของน้ำบริเวณจุดที่จะปล่อยแล้วรายงานผลมายังเครื่องว่ามีสภาวะเหมาะสมแก่การปล่อยลูกปูแล้วหรือไม่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อลูกปูให้มากที่สุด จึงทำให้Crab Bankสามารถเพิ่มโอกาสการรอดของลูกปูได้มากกว่าการเติบโตตามธรรมชาติถึง10เท่าตัว หรือมีปริมาณลูกปูเกิดใหม่อย่างน้อยหลักหมื่นตัวต่อแม่ปูม้า1ตัว”