กบน.ควักเงินกองทุนฯเพิ่มอุดหนุนราคาดีเซล บี10
กบน.ควักเงินกองทุนน้ำมันฯ เพิ่ม 406 ล้านบาทต่อเดือน เพิ่มส่วนต่างดีเซล บี10 ถูกกว่าดีเซล บี7 เป็น 3 บาทต่อลิตร และดีเซล บี20 เป็น 3.5 บาทต่อลิตร หวังกระตุ้นปั๊ม-ผู้บริโภคร่วมส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล มีผลพรุ่งนี้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน วันนี้ (27ก.พ.) มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯสำหรับกลุ่มดีเซล โดยเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯในส่วนของดีเซล บี7 เพิ่ม 75 สตางค์ต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร จากเดิม 25 สตางค์ต่อลิตร ส่วนดีเซล บี10 ชดเชยเพิ่ม 50 สตางค์ต่อลิตร เป็นชดเชย 2.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชย 2 บาทต่อลิตร และดีเซล บี20 ชดเชยเพิ่ม 50 สตางค์ต่อลิตร เป็นชดเชย 4.41 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชย 3.91 บาทต่อลิตร
ส่งผลให้เกิดส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างดีเซล บี10 ถูกว่า ดีเซล บี7 อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร จากเดิม 2 บาทต่อลิตร และดีเซล บี20 จะถูกกว่าดีเซล บี7 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 3 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่พรุ่งนี้ (28 ก.พ.) เป็นต้นไป ซึ่งมติดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติเมื่อ 21 ก.พ.2563 ที่เห็นชอบให้ขยายส่วนต่างราคาขายปลีก เพื่อจูงใจให้เกิดการใช้ดีเซล บี10 และดีเซล บี 20 มากขึ้น ตามนโยบายส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของกระทรวงพลังงาน ที่กำหนดให้ทุกสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน ทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ ต้องมีดีเซล บี10 จำหน่าย
ทั้งนี้ ตามมติดังกล่าวจะส่งให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯเปลี่ยนไป โดยบัญชีน้ำมัน จะมีเงินไหลออกเพิ่มเป็น 819 ล้านบาทต่อเดือน จากวันที่ 26 ก.พ.63 มีเงินไหลออก 413 ล้านบาทต่อเดือน และเมื่อรวมกับบัญชีแอลพีจี ที่มีเงินไหลเข้าอยู่ที่ 32 ล้านบาทต่อเดือน จะทำให้กองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลออก อยู่ที่ 787 ล้านบาทต่อเดือน หรือ ใช้เงินชดเชยราคาขายปลีกดีเซล บี10 และดีเซล บี20 เพิ่มขึ้นอีก 406 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมชดเชย อยู่ที่ 381 ล้านบาทต่อเดือน