หั่นอีก! กำไรบจ.ปีนี้ โบรกฯชี้ปี 62 ร่วง 'ต่ำคาด'
“โบรกเกอร์” ประเมินกำไรบจ.ปี 62 ลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ “บล.เคทีบี” คาดอยู่ที่ 8.5 แสนล้าน ลดลง 8.7% เหตุ “ธุรกิจน้ำมัน ปิโตรเคมี”ฉุด เตรียมปรับลดกำไรปีนี้ “รอบ2” ลดลงอีก 3-4 % หลังผลงานปี62ต่ำ อีกทั้งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 “บล.เอเซีย พลัส” ลดเป้ากำ
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ปี 2562 อยู่ที่ 8.5แสนล้านบาท ลดลง 8.7% จากปีก่อน อยู่ที่ 9.31แสนล้านบาท ต่ำกว่าคาดการณ์ที่คาดว่าอยู่ที่ 8.8 แสนล้านบาท หลังจากได้รวบรวมข้อมูลบจ.ที่ประกาศงบออกมาแล้วรวม 526 บริษัท ณ วันที่ 27 ก.พ. พบว่ามีกำไรรวมอยู่ที่ 8.34 แสนล้านบาท
หมวดธุรกิจที่ทำให้ภาพรวมกำไรบจ.ปรับลดลง คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ คาดกำไรลดลง 68 % อยู่ที่ 22,029 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 70,218 ล้านบาท, หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค กำไรลดลง 18.6% อยู่ที่ 203,895 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 250,476 ล้านบาท, หมวดวัสดุก่อสร้าง กำไรลดลง 17.3% อยู่ที่ 42,858 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 51,821 ล้านบาท, หมวดอิเล็กทรอนิกส์ลดลง 42% อยู่ที่ 6,036 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 10,417 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจที่กำไรเติบโตคือ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กำไรเพิ่มขึ้น54.7 % อยู่ที่ 87,734 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 56,704 ล้านบาท , หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กำไรโต 32.9 % อยู่ที่ 51,604 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่38,823 ล้านบาท, กลุ่มธนาคาร กำไรโต 5.1 % อยู่ที่ 213,016 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 202,774 ล้านบาท
เขากล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างปรับลดคาดการณ์กำไรบจ.ปี 2563 เป็นครั้งที่ 2 อีก 3-4% จากเดิม 9.8 แสนล้านบาท เหลือ 9.52แสนล้านบาท จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และกำไรปี2562 ออกมาต่ำคาด ทำให้คาดอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS)ปีนี้อยู่ที่ 88-89 บาทต่อหุ้น จากเดิม91.3บาทต่อหุ้น สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรปรับตัวลดลง คือ อุตสาหกรรมน้ำมัน ปิโตรเคมี เพราะตั้งแต่ต้นปีราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 20 % และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด)ปรับตัวลง
กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน จากผลกระทบโควิด-19 ,กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เหตุไม่มีรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์เหมือนกับปีก่อน ต้องจับตากลุ่มค้าปลีกและที่อยู่อาศัย ว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากแค่ไหน ส่วนกลุ่มที่คาดว่ากำไรจะเติบโต คือ กลุ่มส่งออก ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหาร และการเงิน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทปรับลดกำไรบจ.ปี 2563 ลงเหลือ 8.97 แสนล้านบาท ลดลง 9.2 หมื่นล้านบาท จากเดิมประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้ปรับลด EPS เหลือ86 บาทต่อหุ้น ลดลง3.2% จากเดิมที่ 88.87 บาทต่อหุ้น พร้อมปรับลดเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,420-1,460 จุด
ทั้งนี้ หุ้นที่จะได้รับผลกระทบมาก คือ กลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี ท่องเที่ยว โดยหุ้น5 อันดับแรกที่ปรับลดกำไรลงคือ บมจ.ปตท.(PTT) ปรับลง 1.3 หมื่นล้านบาท, บมจ.การบินไทย (THAI) ปรับลง1 หมื่นล้านบาท, บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT)ปรับลง 8.7พันล้านบาท,บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) ปรับลง8.2 พันล้านบาทและ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) 7.9 พันล้านบาท
ส่วนกำไรปี2562 บริษัทเก็บข้อมูลบจ.ในSETที่ประกาศงบจำนวน 474 บริษัทคิดเป็น 91 %ของมาร์เก็ตแคป มีกำไรสุทธิ 8.95 แสนล้านบาท ลดลง 4.8 % จากปีก่อน และต่ำกว่าที่บริษัทคาดไว้จะอยู่ที่ 9.5แสนล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28ก.พ.) ดัชนีปรับลดลงแรง 54.56 จุด หรือ 3.91 % อยู่ที่ 1,340.52 ส่งผลให้สัปดาห์นี้(24ก.พ.-28ก.พ.)ดัชนีหุ้นไทยร่วงไปแล้ว 154.57 จุด หรือ 10.33 %
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ร่วงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19ที่ลุกลามในสหรัฐ ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดว่าจะผันผวนแต่จะฟื้นตัวได้จากความคาดหวังการประชุมของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก)จะปรับลดกำลังการผลิตลง หนุนหุ้นพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิดกดดัน มองกรอบดัชนีที่ 1,290-1,300 จุด