ถอดบทเรียน ‘น้องนก’ กลับจากเกาหลี กักตัวเองป้องกัน 'COVID-19'
เจาะกระแสโซเชียลแห่ชื่นชม "น้องนก" แรงงานสาวไทยเพิ่งกลับจากเกาหลีใต้ ใช้มาตรการกักตัวเองอยู่บ้านสวนโดยเต็มใจ เพื่อป้องกันการระบาดของ "COVID-19" ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข แถมขยายเวลาจาก 14 วัน เป็น 1 เดือน!
หนึ่งในตัวอย่างที่ดีของการมี "จิตสำนึกสาธารณะ" กรณีแรงงานชาวไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้อย่าง "น้องนก" เจ้าของผู้ใช้งานเฟซบุ๊คชื่อ "MissyNok Chamaiporn" ได้ถ่ายทอดชีวิตของตนเองแบบเรียลลิตี้ผ่านสื่อโซเชียล กับภารกิจ "กักตัวเอง" ด้วยความเต็มใจ หลังจากเดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ เพื่อป้องกันการระบาดของ "โควิด-19" ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข แถมขยายเวลาจาก 14 วัน เป็น 1 เดือน พร้อมมีครอบครัวเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ
โดยการกักตัวเองโดยเต็มใจของสาวไทยรายนี้ เริ่มต้นทันทีหลังจากมาเหยียบแผ่นดินไทยที่สนามบิน มีพ่อแม่และครอบครัวเดินทางมารับที่สนามบิน ซึ่งตัว "น้องนก" นั้น ได้แยกตัวเองไปนั่งที่ท้ายกระบะคนเดียว ไม่นั่งรวมกับครอบครัว พร้อมทั้งยังคงสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเธอไม่ได้เดินทางกลับบ้านตัวเอง แต่ให้ครอบครัวไปส่งที่ "บ้านสวน" ที่อยู่ห่างไกลผู้คน เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ ในชุมชน
ในช่วงแรกบ้านสวนหลังดังกล่าวไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ แต่ตอนนี้เธออัพเดตว่ามีไฟฟ้าใช้แล้ว พร้อมมีคุณพ่อมาคอยเฝ้ายามให้ในเวลากลางคืน ส่วนคุณแม่ก็คอยทำอาหารมาส่ง หรือบางวันเธอก็ลงมือทำอาหารเองและมีเพื่อบ้านใจดีนำอาหารการกินมาส่งให้เรื่อยๆ
เป็นความน่ารักที่ชาวเน็ตต่างก็ชื่นชมในความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมของสาวไทยรายนี้ ซึ่งการ "กักตัวเอง" ของเธอสามารถถอดบทเรียนการปฏิบัติตัวได้สอดคล้องกับคำแนะนำของ กระทรวงสาธารสุข ในการป้องกันการระบาดของ "โควิด-19" ได้แก่
1. กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
กระทรวงสาธารณสุข แนะนำเกี่ยวกับกรณีที่คนไทยที่เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงโรค "โควิด-19" หลังจากกลับมาถึงเมืองไทย ขอให้เฝ้าระวังตัวเองเป็นเวลา 14 วัน (self quarantine at home) ซึ่งในเคสของ "น้องนก" เธอกักตัวเองด้วยความเต็มใจเป็นเวลานานถึง 1 เดือน โดยเธอได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียไว้ว่า
"..กำลังจะกลับบ้านแล้วนะทุกคน ไม่ได้หนีโรคระบาดแต่ประการใด แต่สัญญาจ้างสิ้นสุดลงพอดี กะว่าจะไปเซอร์ไพร์สพ่อกับแม่ แต่ไม่ได้แล้วล่ะด้วยสถานการณ์โรคระบาดจึงต้องบอกที่บ้านเตรียมสถานที่กักตัวเดือนนึง เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ ด้วยค่ะ.. 4 ปี 7 เดือนในเกาหลีของฉัน ปีเเรกที่มาถึงก็โรคเมอร์ส ส่วนปีที่จะกลับก็โควิด19 หืม ชีวิตฉัน 5555.."
2. งดไปในที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ
กระทรวงสาธารณสุขแนะนำอีกว่า ผู้ที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ต้องงดไปในที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ ห้ามปกปดิข้อมูล และระหว่างการเฝ้าระวังตัวเอง ควรต้องจำกัดคนที่จะมาสัมผัสตัวเองให้มีจำนวนน้อยที่สุด อย่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นต้องป่วยไปด้วย
โดยในเคสของสาวไทยคนนี้ เธอก็ได้ปฏิบัติตนด้วยการพาตัวเองไปกักตัวอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลชุมชนที่ "บ้านสวน" รวมถึงการเดินทางจากสนามบินนั้น ก็ไม่ได้ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ แต่ใช้รถกระบะของที่บ้านให้มารับที่สนามบินเพื่อเดินทางตรงไปยังบ้านสวนทันที โดยที่ไม่ได้ผ่านเข้าไปในตัวชุมชนเลย ซึ่งเธอได้โพสต์ข้อความว่า
"..เวลา 20.20 น. ลงเครื่องปุ๊บ พ่อแม่และน้องสาวมารับ ให้ฉันนั่งกระบะหลังคนเดียว ถึงที่หมายโดยไม่ได้เข้าบ้านเลย มุ่งหน้าตรงดิ่งมาที่สวน ที่อยู่ ที่นอน ที่กิน ตามภาพ กลางคืนพอทนกับความร้อนได้ กลางวันแม่เจ้าโว้ยยยย นี่หรือแดดเมืองไทย!! ไม่ใช่ฆ่าแต่ไวรัส ตัวฉันนั้นก็จะตายเช่นกัน กระเป๋าเดินทางตากแดด เสื้อผ้าซักใหม่หมด วันจันทร์กรมไฟฟ้าจะเข้ามาเดินเรื่องไฟให้ กว่าจะครบเดือนฉันไม่เกรียมหรอเนี่ย 5555.."
3. สังเกตอาการป่วย งดออกไปในที่สาธารณะ
อีกหนึ่งข้อปฏิบัติตัวที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำมาก็คือ ผู้ที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต้องสังเกตอาการป่วยของตนเอง งดออกไปในที่สาธารณะที่มีคนอยู่จำนวนมาก งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น วัดไข้ทุกวัน ไม่ใช่ของร่วมกับผู้อื่น ซึ่งในเคสสาวไทยรายนี้เธอก็ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง เช่น เธอไม่เข้าใกล้หรือคลุกคลีกับคนในครอบครัว คุณพ่อมาเฝ้ายามกลางคืนอยู่ห่างๆ คุณแม่ที่มาส่งอาหารก็สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง เป็นต้น
"..สวัสดีวันที่ 2 ของการกักตัวเอง ทำตัวมีประโยชน์นิดนึง ทำแปลงผักได้1แปลงเล็กๆ สลบแป๊บ ดินแข็งมาก ดินน้อยหินเยอะ เสร็จแล้วหาของกินบริเวณรอบๆ ได้มะละกอสุก 1 ลูก ปอกเปลือกแช่เย็นๆ กินคลายร้อนจ้า.."
"..วันที่ 3 ตื่นเช้า 6.00 น. รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารไก่ เตรียมอาหารเช้าแบบเรียบง่าย ตำแตง ย่างกุ้ง กินกับข้าวเหนียว 555 เริ่มชอบชีวิตแบบนี้แล้วซิ สนุกดี.."
"..วันที่4 วันนี้ตื่นไวกว่าเดิม 5.30น. มีแมวน้อยบ้านใครไม่รู้มากวนแต่เช้า ต่อด้วยออกกำลังกายด้วยท่ากายบริหารเบาๆ ตั้งแต่กลับจากเกาหลี ไม่เคยได้นอนตื่นสายเลย มีนาฬิกาปลุกมีชีวิตปลุกทุกเช้า ตื่นเเล้วต้องคิดเมนูเองทุกวัน วันนี้ก็เมนูบ้านๆ ต้มปลา ซดร้อนๆตอนเช้า บรรยากาศก็เช่นเคย เหงาหน่อย ถูกขังให้เฝ้าไก่คนเดียว.."
"..วันที่5 ของการกักตัวเอง วันนี้ลองทำจุลินทรีย์น้ำซาวข้าวไว้รดต้นไม้ของแม่ ซึ่งสภาพเสื่อมโทรมแห้งแล้งมาก หลังจากนั้นก็สับข้าวโพดอาหารสัตว์ไว้ให้ไก่กิน แล้วก็ขุดเตรียมแปลงปลูกดอกไม้ประดับทางเข้าสวน รอดูกันว่าจะเกิดมั้ย 5555 แดดแรงมาก 5 วันสีผิวเปลี่ยนทันตา โอเอ็มจี!!! #ทุกคนที่กลับบจากประเทศที่มีความเสี่ยงต้องกักบริเวณตัวเองนะคะ #สังเกตุอาการตัวเอง.."
"..วันที่6 ของการกักตัวเอง ตื่นเช้าเหมือนเคย รีบไปรดน้ำผักก่อนเลย เพราะน้ำไหลที่นี่แรงกว่าปัสสาวะมดเล็กน้อย ในแต่ละวันใช้เวลารดนานพอสมควร ในขณะที่กำลังรดน้ำอยู่ ลุงเจ้าของบ้านหลังสวยๆ ข้างสวน เอามะนาวมาให้ 3 ลูก เอาไว้ทำกับข้าว น่ารักจัง ขอบคุณลุงค่ะ เช้าของวันนี้ไม่ได้ทำอาหารค่ะ พอดีเพื่อนบ้านให้แกงหน่อไม้มา แม่เลยเอามาให้พร้อมกับลาบปลาแซลม่อน ฝีมือแม่เอง ไฮโซนะเออ ลูกก็ห่วง โรคก็กลัว แม่ฉันนี่ไงขยันหาของมาให้กินจริงๆ
ปล.น้องมีไฟฟ้าใช้เเล้วเด้อพึ่งได้ใช้เมื่อวาน หลังจากที่จุดเทียนพรรษามา3คืน สวนก็อยู่ใกล้วัด ในใจได้แต่ภาวนา ขออย่าให้มีงานขาวดำช่วงนี้เลย 5555 ผู้ฮ่ายกะย้านผีเป็นอยู่เด้อจ้าาาา #ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ #กักตัวเองนะคะใครกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง.."
-------------------------
ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/nok.diew
