ผลประชุม OPEC และ Non OPEC น่าผิดหวัง กดดันหุ้น PTTEP และ PTT
'รัสเซีย' ปัดลดกำลังผลิตน้ำมันตามข้อเสนอกลุ่ม OPEC ขณะที่ 'ซาอุฯ' เตรียมตอบโต้ ปั๊มกำลังผลิตน้ำมันเพิ่มเป็น 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ผลประชุม OPEC และ Non OPEC เมื่อปลายสัปดาห์น่าผิดหวัง มี 2 ประเด็นสำคัญ ที่เป็นแรงกดดันราคาน้ำมันดิบโลก คือ
1. รัสเซียปฎิเสธข้อเสนอการตัดลดการผลิตน้ำมันดิบ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ของกลุ่ม OPEC ผิดจากที่ตลาดคาดว่ารัสเซียจะเห็นด้วย (ปัจจุบันรัสเซียผลิตน้ำมันดิบเป็นอันดับ 2 ของโลกราว 11.2 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น 13.7%ของการผลิตทั้งโลก รองจากสหรัฐ 12.8 ล้านบาร์เรล/วัน (15.6%)
2. ซาอุดิอาระเบียออกมาประกาศ
เตรียมจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้เกินจากปัจจุบัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดยตลาดคาดมีโอกาสผลิตขึ้นไปอยู่ที่ 12 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ยังจะปรับลดราคา OSP Premium น้ำมันดิบทุกประเภทของประเทศซาอุฯ คือ ราคาจะปรับลดลง จากเดือน มี.ค. คือ (ราคาน้ำมันที่ขายไปยังยุโรปปรับลดลงจากปัจจุบัน 8 ดอลลาร์, น้ำมันที่ขายสหรัฐ ลดลง 7 ดอลลาร์, น้ำมันที่ขายเอเชีย ลดลง 6 ดอลลาร์)
คาดว่าประเด็นดังกล่าวจะยังกดดันให้ภาวะอุปทาล้นตลาด (Oversupply) ของน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงอยู่ และคาดจะยังคงใช้เวลา จะส่งผลกระทบต่อ (Demand) ความต้องการใช้น้ำมันโลกในอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส คาดว่า ทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกจะผันผวนในทิศทางขาลง และหากพิจารณาค่าเฉลี่ยทั้งปี มีโอกาสต่ำกว่าสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 ของฝ่ายวิจัยฯที่กําหนดไว้ที่ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล
เนื่องจากค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบนับแต่ต้นปีอยู่เพียง 58.04 ดอลลาร์/บาร์เรล และ ราคาน้ำมันดูไบ ปัจจุบันอยู่ราว 47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฝ่ายวิจัยฯ ได้ศึกษา Sensitivity Analysis หากราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่าสมมติฐานทุกๆ 5 ดอลลาร์ จะกระทบต่อราคาเหมาะสมของ PTTEP ให้ลดลงจากปัจจุบันราว 10-14 บาท/หุ้น
ขณะที่ PTT ถูกกระทบราว 2-3 บาท/หุ้น ระยะสั้นแนะนำชะลอการลงทุน