'เสนา' จ่อหั่นเป้าธุรกิจ รับพิษโควิด-19

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทอาจทบทวนเป้าหมายยอดขายและรายได้ปี2563 ในช่วงกลางปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายที่ระดับ 11,500 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ 10,600 ล้านบาท เนื่องจากหากสถานการณ์ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เข้าสู่ระยะ 3 คาดว่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อให้ชะลอตัวลงมาก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) ยอดขายของบริษัทปรับตัวลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ลดลงยังไม่ถึงระดับ 50% เนื่องจากคนเริ่มกลัวผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว จากการแพร่ระบาดของโควิด-19  ทำให้ไม่อยากมีภาระหนี้มากขึ้น  ฉุดให้กำลังซื้ออสังหาฯชะงัก โดยเฉพาะลูกค้าที่เตรียมทำสัญญาการโอนกรรมสิทธ์  ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการเลื่อนระยะเวลาการโอนออกไปมากขึ้น

สำหรับแผนการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ของบริษัทนั้น บริษัทต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ โดยเน้นหาจังหวะในการเปิดโครงการโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และหากไม่สามารถเปิดได้จริง บริษัทยังมีสต็อกในมืออีกประมาณ 24,000 ล้านบาทในการขาย รวมถึงยังเตรียมออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น การขยายระยะเวลาการโอนให้ลูกค้าที่ประสบปัญหา เป็นต้น

“ยอดขายหากเป็นแบบนี้ คงยากที่จะทำให้มีรายได้ตามเป้า โดยเฉพาะหากไทยเข้าสู่สถานการณ์ในระยะที่ 3 ซึ่งจะทำให้กิจกรรมการขายหายไปจำนวนมาก และเป้าหมายน่าจะมีการปรับเปลี่ยน เพราะแม้โรคโควิด-19หายไป แต่ภาวะเศรษฐกิจคงไม่ได้ฟื้นตัวเร็ว เราคงไม่แค่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้ตามยอด แต่กลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้รอดมากกว่า”

ปัจจุบันบริษัทยอดขายรอโอนในมือ (Backlog)ประมาณ 11,841 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ปีนี้ 6,924 ล้านบาท และมีแผนเปิดขายโครงการใหม่ทั้งสร้างเองและร่วมกับพันธมิตรบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น อีก10 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม6 โครงการ และโครงการแนวราบ4 โครงการ

นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทาย แต่บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำผลงานได้ตามเป้าหมาย โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้11,000-12,000 ล้านบาท มาจาก 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Backlog ที่มีอยู่17,064 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ราว 8,000 ล้านบาท และรายได้จากยอดขายโครงการใหม่ รวมถึงรายได้จากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนรีทอีก1,000 ล้านบาท