'ประวิตร' เร่งแก้แล้ง เพิ่มน้ำ 1.6 ล้านลบม.

     พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี 2563 โดยแนวทางการบริหารจัดการน้ำในช่วงต้นฤดูฝนปี 2563 (ระหว่าง 1 พ.ค. - 31 ก.ค. 2563) จะจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศและพืชต่อเนื่อง รวมจำนวน 1,656 ล้านลูกบาศก์เมตร

     ในส่วนของพื้นที่การเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำนั้น จากการคาดการณ์ของกรมชลประทานจะมีปริมาณน้ำคงเหลือในช่วงฝนทิ้งช่วงเพียง 436 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้สามารถส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกได้เฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลกในพื้นที่เป้าหมาย 2.65 แสนไร่ เช่นเดียวกับเมื่อปี 2560 เท่านั้น

     โดยจัดสรรน้ำแบ่งเป็น ช่วงที่ 1 เดือนมี.ค.- 30 เม.ย. จำนวน 65 ล้านลูกบาศก์เมตร และช่วงที่ 2 เดือน พ.ค. ถึง ก.ค. 2563 ประมาณ 245 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ทันเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนส.ค. จากนั้นจะใช้พื้นที่ดังกล่าวทำหน้าที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติ รองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก เพื่อลดผลกระทบจากอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สุโขทัย และทำหน้าที่เป็นทุ่งหน่วงน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบกับลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยบริหารจัดการร่วมกับพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งทางตอนล่างด้วย

     ทั้งนี้ ที่่ประชุมเห็นชอบในหลักการแผนงานโครงการ ได้แก่ โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2563 ของการประปาส่วนภูมิภาคเพิ่มเติม ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิต ระบบส่งน้ำ และระบบจ่ายน้ำประปา ด้านการจัดการน้ำอุปโภค บริโภค รวม 6 แห่ง ได้แก่ กปภ.สาขาเพชรบูรณ์ - หล่มสัก กปภ.สาขาเดิมบางนางบวช กปภ.สาขาสมุทรสาคร - นครปฐม กปภ.สาขาด่านช้าง ปรับปรุงกิจการประปา อปท. กปภ.สาขานครศรีธรรมราช ในพื้นที่ อบต.ท่าเรือ และ ปรับปรุงกิจการประปา อปท. กปภ.สาขานครศรีธรรมราช ในพื้นที่เทศบาล ต.การะเกด โดยเมื่อโครงการก่อสร้างทั้ง 6 แห่งแล้วเสร็จ จะมีกำลังการผลิตประปาเพิ่มขึ้นอีก 475,200 ลูกบาศก์เมตร/วัน ให้บริการผู้ใช้น้ำเพิ่มขึ้นอีก 126,750 ราย

     นอกจากนี้ ยังได้ย้ำให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบกลางแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วนเพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และที่เสนอโครงการเร่งด่วนเพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝน ปี 2563 เร่งรัดดำเนินการโดยเร็วให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. 2563 เพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง และทันเวลา”