ผวา 'ปิดเมือง' ทุบหุ้นดิ่ง 9% โบรกแนะจับตาแนวรับ 1,000 จุด
"หุ้นไทย” ดิ่งหนักต้องงัด “เซอร์กิต เบรกเกอร์” ครั้งที่ 3 ในรอบเดือน หลังทางการมีคำสั่งปิดพื้นที่เสี่ยง 22 วัน ขณะ ดัชนีปิดตลาดร่วงกว่า 9.12% ด้าน "ภากร" ยืนยันไม่ปิดทำการตลาดหุ้น ขณะ “เอเซีย พลัส” แนะจับตาแนวรับสำคัญ 1,000 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23มี.ค.) ปรับตัวลดลงรุนแรง หลังมีคำสั่งจากทางการให้ปิดพื้นที่เสี่ยงชั่วคราวในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ถึง 12 เม.ย.2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ “โควิด-19” ส่งผลให้ดัชนีร่วงลงไปแตะระดับ 8% ต้องหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว(เซอร์กิตเบรกเกอร์) 30 นาที ซึ่งถือเป็นการใช้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ เป็นครั้งที่ 3 ของเดือนนี้ และยังถือเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม หลังตลาดกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ยังคงมีแรงเทขายต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีปรับลดลงมาปิดตลาดที่ 1,024.46 ลดลง 102.78 หรือ 9.12% มูลค่าการซื้อขายรวม 59,677.79 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องอีก 4,235.46 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,263.76 ล้านบาท
นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นซึ่งทำให้ลดลงแรงมาจาก 3 เรื่อง คือ การประกาศปิดพื้นที่เสี่ยง ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดลงแรง และ จำนวนผู้ติดเชื่อรายใหม่ที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเชื่อว่า การปิดพื้นที่เสี่ยงจะช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ กลับมาได้เร็ว
ส่วนคำถามที่ว่า ตลท. จะปิดตลาดหุ้นเหมือนจีนและฟิลิปินส์หรือไม่นั้น เขากล่าวว่า สิ่งสุดท้ายที่ตลาดหุ้นจะปิด ต้องมาจากคำสั่งปิดให้บริการธนาคารพาณิชย์ หากเป็นสาเหตุอื่น แทบไม่มีผลทำให้ต้องปิดตลาดหุ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า การปรับลดของดัชนีหุ้นไทย เกิดจากความกังวลที่หลายๆ ประเทศ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มต่อเนื่อง ทำให้ทางกรุงเทพฯ มีการสั่งปิดพื้นที่เสี่ยงเป็นการชั่วคราว ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวแรงหลังจากที่ยังไม่มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมากดกันตลาดหุ้นต่างๆปรับตัวลดลง
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 มี.ค.) คาดว่า จะยังแกว่งตัวลดลงต่อเนื่องตามสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 โดยมองกรอบแนวรับที่ระดับ 1,000 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,050 จุด ซึ่งวันนี้ต้องจับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอะไรบ้าง รวมทั้งต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งหากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จะหนุนบรรยากาศการลงทุน
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้หุ้นไทยในภาพรวมจะโดนผลกระทบจากคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงในเขตกรุงเทพและปริมณฑล แต่ยังมีหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการปิดสถานที่เสี่ยงดังกล่าว ใน 5 กลุ่มธุรกิจ คือ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาเก็ต ร้านของสด เพราะประชาชนมีการซื้ออาหารและของใช้ในบ้านมากขึ้นในช่วงแรกของการประกาศ
กลุ่มผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม เนื่องจากความต้องการใช้ข้อมูล มากขึ้นเพราะต้องทำงานที่บ้าน (work from home), กลุ่มประกันและตัวแทนขายประกัน เพราะ ประชาชนให้สนใจซื้อประกันโควิด-19 จำนวนมาก ขณะที่ประกันอุบัติเหตุน้อยลงทุนพราะการเดินทางน้อยลงทำให้การเคลมประกันลดลงซึ่งดีกับธุรกิจประกัน ,กลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภคเพราะได้รับผลกะกระทบจำกัด ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมยังคงเดินเครื่องผลิตแต่อาจลดกำลังการผลิตลงบ้างแต่ในส่วนผู้ประกอบธุรกิจอาหารและบรรจุภัณฑ์เพิ่มกำลังการผลิต และธุรกิจผู้ผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือและผู้ผลิตวิตามินซี เพราะประชาชนให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและการเพิ่มภูมิต้านทานสุขภาพมากขึ้น