ปตท.สผ.ชูจุดแข็งการเงินแกร่ง ต้นทุนต่ำ พร้อมรับมือน้ำมันดิ่ง โควิด-19 ระบาด
ปตท.สผ.ปรับแผนลงทุนปี63 รับมือราคาน้ำมันดิ่ง โควิด-19 ระบาด ยันฐานะการเงินแกร่ง สภาพคล่องสูง เตรียมวางแผนบริหารจัดการต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เลื่อนเจาะสำรวจบางโครงการ คาดปริมาณการขายต่ำกว่าไม่เกิน 5%
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 60% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางปตท.สผ. ประเมินว่าปริมาณการขายในปี 2563 อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะ โดยปริมาณการขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 388,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ไม่เกิน 5% เนื่องจากปริมาณการขายของบริษัทกว่า 70% เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีการกำหนดปริมาณรับซื้อขั้นต่ำไว้แล้วตามสัญญา
ด้านราคาขายซึ่งประกอบด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่วนของน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณการขายประมาณ 30% ของปริมาณการขายทั้งหมด อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงด้านราคาไว้แล้วบางส่วน
สำหรับราคาขายก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ปตท.สผ. ได้กำหนดราคาขายในหลายโครงการกับคู่สัญญาไว้แล้ว ซึ่งหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ปตท.สผ. มีจุดแข็งที่สำคัญอีกด้าน คือมีโครงสร้างต้นทุนในระดับต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ ปตท.สผ. ปรับตัวในช่วงที่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเผชิญกับวิกฤตราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่โครงการหลักอยู่ในไทย มาเลเซีย เมียนมา และตะวันออกกลางซึ่งถือว่ามีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก
ทำให้ บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไว้ได้ ประกอบกับสถานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันที่ยังมีความมั่นคง จึงมั่นใจว่า จะสามารถรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นเตรียมการรับมือกับราคาน้ำมันที่อาจจะอยู่ในระดับต่ำในระยะยาว บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป เป็นต้น
สำหรับแผนการดำเนินงานในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) นั้น ยังคงดำเนินการแผนเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้รวมกัน 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มีไว้กับรัฐบาลในปี 2565-2566
นายพงศธร ยอมรับว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่ง ปตท.สผ. มีแผนการบริหารจัดการภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management หรือ BCM) รองรับสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสามารถผลิตปิโตรเลียมให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง