'ปิยบุตร' ยันวิจารณ์รัฐบาลแก้โควิด-19 ด้วยความปรารถนาดี ขอให้มาตรการชัดเจน
“พิธา” แนะเตรียมเพิ่มไอซียู รับมือโรคหน้าฝน-โควิด “พรรณิการ์” เผยคณะก้าวหน้า ช่วยผลิตเครื่องฟอกอากาศช่วยแก้ฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.63 ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวง 6 ถ.พระราม 4 ภายหลังรายงานตัวกับอัยการ ที่พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ส่งมอบสำนวนกล่าวหาร่วมชุมนุมแฟลชม็อบปี 2562 ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 แล้ว นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เคยพูดเรื่องรัฐประหารโควิด เสรีภาพกับสุขภาพสำคัญเท่ากันแล้วถูกฝ่ายตรงข้ามเยาะเย้ย ว่า ถ้าได้ฟังตนพูดทั้งหมด ในรายการ Interregnum ผ่าน Podcast (พอดแคสต์) ประมาณ 35 นาที จะเห็นได้ชัดว่าตนไม่ได้ตำหนิติเตียนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใดๆ เลย มีแต่การวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา มีความบกพร่องจริงๆ เป็นการแก้ไขปัญหาในลักษณะวิ่งตามไปเรื่อยๆ ออกมาตรการแต่ละอย่างคิดได้แบบไม่ครบถ้วนทั้งระบบ พอออกมาตรการเรื่องหนึ่ง เกิดผลร้ายจากมาตรการนั้นต้องไปตามแก้อีก แทนที่การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จะสามารถทำให้รัฐบาลมีอำนาจมากขึ้นในการแก้ปัญหาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงกันข้ามทุกท่านเห็นแล้วว่าแม้จะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น
“ผมยืนยันว่าในท้ายที่สุดแล้ว การแก้ปัญหาครั้งนี้ถ้าหากเรามีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ผมคิดว่าถ้าคุณประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขนาดนี้แล้ว มันน่าจะแก้ไขได้ ตรงกันข้ามตอนนี้ทำไปทำมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศขึ้นไปมันอาจจะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดยืนยันว่าเอาใจช่วยรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาเรื่องวิกฤติโควิดให้ได้ เพราะเรื่องนี้มันหนักจริงๆ” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เราวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยความปรารถนาดี หวังดีทั้งนั้น มีข้อเสนอแนะโดยตลอด ส.ส.พรรคฝ่ายค้านหลายคนก็ทำข้อเสนอ อยากจะให้มองว่าการวิพากษ์วิจารณ์เสนอแนะต่างๆ ทำด้วยความหวังดีทั้งนั้น ทำงานร่วมกับรัฐบาลนั่นเอง ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่เสนอ แนะวิพากษ์วิจารณ์กันเลย ตนคิดว่ามันอาจจะไม่ดี ต้องช่วยกัน เท่าที่ตนพบเจอกับพี่น้องประชาชน และคุยกันกับพวกเราด้วย ไม่มีใครที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพียงแต่ขอมาตรการให้ชัดเจน คิดรอบด้านทั้งระบบ ถ้าตัดสินใจทำทุกคนเจ็บไปด้วยกัน ถูกจำกัดเสรีภาพด้วยกัน ต้องมีมาตรการต่างๆ รองรับตามมาด้วย ทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือ
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้เปรียบเสมือนประชาชนกำลังกลั้นหายใจอยู่ การล็อกดาวน์มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รัฐบาลต้องใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องมีการตรวจเชิงรุก ทำสต๊อกอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้อง มีการคิดล่วงหน้า ถ้าล็อกดาวน์มากกว่านี้ต้องเตรียมระบบโลจิสติกส์ครั้งใหญ่ ที่จะต้องเอาปัจจัย 4 ไปถึงพี่น้องประชาชนให้ได้ ความสำเร็จของรัฐบาลคือความสำเร็จของประเทศไทย จากนี้ตนก็จะไปประชุม ส.ส.ผ่านระบบ Zoom เพื่อประเมินสถานการณ์ และทำกิจกรรมที่เหมาะสม เป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ ทำให้ประเทศไทยกลั้นหายใจให้น้อยที่สุด กลับมาหายใจได้อีกครั้ง
นายพิธา กล่าวด้วยว่า อีก 32 วันจะเข้าหน้าฝน ปกติผู้ป่วยไข้เลือดออก 15,000 คน ไข้หวัดใหญ่ 20,000 คน ปอดบวม 14,000 คน เตียงทั้งประเทศมี 140,000 ไอซียู 7,700 เครื่องฟอกไต ปั๊มหัวใจมีอยู่เท่าใด เป็นสิ่งที่พวกตนอยากเตรียม เราอยู่กับโควิดมา 100 วันแล้ว จะเอาเวลามาเตรียม 100 วันข้างหน้า โรงเรียนต้องเปิด เครดิตบูโร 90 วัน อาจจะเกิดหนี้เสียจำนวนมาก เราจะช่วยเตรียมเช็คลิสต์ให้กับรัฐบาล ไม่ให้เกิดการตามมาแก้ปัญหาภายหลัง จะเตรียมตัวเลขไว้ให้ช่วยกันคิด ถ้าเกิดสถานการณ์ผู้ป่วยจากหน้าฝนเกือบ 50,000 คน บวกกับโควิด เตียงในประเทศพอหรือไม่ ไอซียูในกรุงเทพฯ มี 2,000 จังหวัดน้อยที่สุดมีแค่ 3 ห้อง ถ้าโควิดไปอยู่ภาคใดที่มีไอซียูแค่ 3 เตียงจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเตรียมตั้งแต่วันนี้จะแก้ได้
น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การทำงานของคณะก้าวหน้าเราทำอะไรไปบ้าง อย่าลืมไม่ใช่แค่วิกฤติโควิด ไฟป่าภาคเหนือตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เชียงใหม่ เชียงราย ค่าฝุ่นขึ้นอันดับโลกเป็นสิบครั้ง เราระดมอาสาสมัครไปช่วยส่งอุปกรณ์จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครดับไฟป่า ได้อาสาสมัครจากออนไลน์มา 200 กว่าคน ทำงานกันอย่างแข็งขัน เราก็ขอบคุณมาก ล่าสุดเราเฟซบุ๊กไลฟ์สื่อสารกับประชาชน เราได้ผลิตเครื่องฟอกอากาศ PM001 ซึ่งเราจะมอบให้กับประชาชนภาคเหนือตอนบน ช่วยต่อลมหายใจบริสุทธิ์ให้กับพี่น้องชาวภาคเหนือที่เผชิญฝุ่น PM2.5 อยู่ และคณะก้าวหน้าจะติดตามเงินช่วยเหลือจาก ครม. 1.6 ล้านล้านบาท อย่างใกล้ชิด ว่าจะถูกนำไปใช้ทำอะไร ผลประโยชน์ต้องตกถึงมือประชาชนมากที่สุด