‘แอลเอชฟันด์’เปิด 2 ทางเลือก 'ออมยาว'ผ่านกองทุนSSF

และกดดันดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับลดลงมาแล้วเกือบ 30% กดดันผลตอบแทนของ “กองรีท” ปรับลดลงมาราว 25% ช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ “จูงใจ” ในการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาว 

“อนุวัฒน์ อิ่มแสงรัตน์” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ “LHFUND” ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคยสูงสุดที่ระดับ 1,840 จุด แต่ในวันนี้ปรับตัวลงมาที่ระดับ 1,100 จุด โอกาสที่จะปรับลดลงต่อ(ดาวน์ไซด์) จึงมีจำกัด ขณะที่โอกาสในการปรับเพิ่มขึ้น(อัพไซด์) ยังมีในอนาคต โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับ 1,300 - 1,350 จุด ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า และไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายแล้วภาครัฐก็ต้องคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีพัฒนาไปข้างหน้าต่อได้ในอีก 10 ปีข้างหน้าแน่นอน

เขาบอกด้วยว่า การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ “กองรีท” กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในไทยและเอเชีย ยังค่อนข้างให้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ และผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้รีทเอเชีย เช่น กลุ่มห้างสรรพสินค้า รีเทล และการจัดนิทรรศกาลต่างๆ มีราคาปรับตัวลงมา แต่อัตราการจ่ายปันผลถือว่าค่อนข้างจูงใจ อีกทั้งอย่างในจีนและเกาหลีใต้ เริ่มควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าวได้ ในจังหวะนี้จึงตอบโจทย์สำหรับการลงทุนระยะยาว

ดังนั้น “ผู้ลงทุน” ที่มีเงินลงทุนระยะยาว หรือ “มีเงินเย็น” จึงไม่ควรพลาดโอกาสนี้ ในจังหวะที่ทั้งสองตลาดปรับตัวลงมาลงทุนในกองทุนรวม SSFX ก่อน เพราะนอกจากได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนระยะยาว ยังได้รับสิทธิ์หักลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 2 แสนบาท และเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทยอีกทางหนึ่งในภาวะการลงทุนเช่นนี้ด้วย 

     สำหรับ บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มาพร้อมกับ  "กองทุนเปิด แอล เอช สมาร์ทเพื่อการออม" หรือ “LHSMARTDSSF” ถึง 2 รูปแบบ คือ 1. L

HSMRTDSSF – SSFX  เป็นกองทุน SSF แบบพิเศษ เปิดขายตั้งแต่ 1 เม.ย.จนถึง 30 มิ.ย. นี้เปิดขายครั้งแรก (IPO)1-15 เม.ย.นี้ และ2. LHSMRTDSSF-SSF เป็นกองทุน SSF แบบปกติ เปิดขายตั้งแต่ปี 2563 -ปี2567

โดยกองทุนตระกูล LHSMARTDSSF ทั้งสองรูปแบบ เป็นกองทุนรวมผสม มูลค่ากองทุน 1,000 ล้านบาท ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5 มีนโยบายการลงทุนกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์ของทรัตส์เพื่อการลงทุนในกองรีท กองทุนรวมโครงการพื้นฐาน สัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีความยืดหยุ่นปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตลอดเวลาตามความเหมาะสม ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาล

"อนุวัฒน์" บอกว่า “จุดเด่น” ของกองทุนรวม LHSMARTDSSF ทั้งสองรูปแบบ คือ มีการบริหารกองทุนสไตล์แบบ Active Management โดยเลือกลงทุนหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด และผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาได้ เช่น ในบางช่วงเวลาอาจจะเน้นลงทุนหุ้นปันผล แต่หากภาวะการลงทุนไม่เหมาะสม สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนมาเน้นลงทุนหุ้นกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มการบริโภคในประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจในขณะนี้

นอกจากนี้ ยังใช้กลยุทธ์บริหารจัดการกองทุนในลักษณะใกล้เคียงกองทุนเปิดแอล แอช สมาร์ท หรือ LH SMART ที่เป็นกองทุนโดดเด่น ณ 31 มี.ค. 2563 ติดอันดับ 5 ดาว จาก Morning star รวมถึงกองทุนมีนโนบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกิน12 ครั้งต่อปี ปกติจะพิจารณาทุก 2 เดือน หากกกองทุนมีกำไรในแต่ละงวดบัญชี สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้