แนะประชาชนศึกษาบทเรียนผู้ป่วยโควิด-19 จ.ภูเก็ต

แนะประชาชนศึกษาบทเรียนผู้ป่วยโควิด-19 จ.ภูเก็ต

โฆษกศบค. แนะประชาชนศึกษาบทเรียนผู้ป่วยโควิด-19 จ.ภูเก็ต ระบุมาตรการติดตามผู้สัมผัสโรคให้ครบถ้วนในกลุ่มผู้สัมผัสที่เสี่ยงสูง กักตัว14 วัน คัดกรองพื้นที่เฉพาะเจาะจงคุ้มค่า เจอผู้ป่วยได้มากกว่า เงินอย่างคุ้มค่าและตรวจพบเจอผู้ป่วยได้มากกว่า

แนะประชาชนศึกษาจากบทเรียนจ.ภูเก็ต

วันนี้ (13 เมษายน 2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ ว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลในผู้ป่วยยืนยัน จ.ภูเก็ต พบว่าจากการเจอผู้ป่วย 1 ราย ในวันที่ 26 มกราคม และไม่ถึง 2 เดือน  กลับพบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และขณะนี้ยอดสะสมรวมยังสูงอยู่  โดยพบผู้ป่วยโควิด-19 ดังนี้ จากพื้นที่สถานบันเทิง 71 คน

รองลงมา สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 33 คน และอาชีพเสี่ยง 33 คน และคนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศ  10 คน และคนไทยมาจากต่างประเทศ 4 คน  รวมถึง เมื่อดูว่าผู้ป่วยมาตรวจโควิด-19  พบว่าผู้ป่วยกว่า 50% มาตรวจโควิด-19 หลังมีอาการใน 3  วัน และ 27% มาตรวจหลัง 1 สัปดาห์

158676431171

ส่วนมาตรการต่างๆ ของภูเก็ต เริ่มจากปิดสถานบันเทิง  ซึ่งหลังจากปิดก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น จนต้องมีมาตรการปากซอยบางลา นวดแผนไทย สนามกีฬา ปิดโรงแรม ปิดพื้นที่ป่าตอง ห้ามเข้าออก ถึงจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้

นอกจากนั้น กรมควบคุมโรค  ได้มีการเก็บตัวอย่างตรวจ ระหว่างวันที่ 5-7 เมษายน และวันที่ 10 เมษายน พบว่า โรงพยาบาลป่าตอง มีการตรวจ 1,712 ราย ตรวจพบเชื้อ 19 ราย ร้อยละ 1.11 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต (อ.เมือง) ตรวจ 763 ราย ตรวจพบเชื้อ 2 ราย ร้อยละ 0.26 โรงพยาบาลสต.เชิงทะเล (อ.ถลาง)  ตรวจ103 ราย ตรวจพบเชื้อ 5 ราย ร้อยละ 4.85 และโรงพยาบาลถลาง ตรวจ 337 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อ

“จากการดำเนินการดังกล่าว และวิเคราะห์มาตรการต่างๆ  สรุปบทเรียนที่ได้จากการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรค พบว่า การติดตามผู้สัมผัสโรค ให้ครบถ้วนในกลุ่มผู้สัมผัสที่เสี่ยงสูง อาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ในกรณีที่ผู้ป่วยปกปิดประวัติ ,กลุ่มผู้สัมผัสที่เสี่ยงสูง ต้องกักกัน 100% ควรทำ Local Quarantine กรณีทำ Home Quarantine แล้วยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ทำในกรณีที่มีการระบาดเป็นวงกว้างในชุมชนเฉพาะกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยงเท่านั้น เนื่องจากอาจมีปัญหาในเรื่องการติดตามได้ไม่หมด และการคัดกรองในวงกว้างยังไม่คุ้มค่า ในกรณีที่อุบัติการณ์ของโรคยังไม่สูง  ดังนั้น การที่เราตรวจน้อยแต่เราตรวจในพื้นที่เฉพาะเจาะจง เป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่าและตรวจพบเจอผู้ป่วยได้มากกว่า

158676431048

ส่วนมาตรการงดขายสุรานั้น ก็ยังผ่อนคลายมาตรการนี้ และอยากฝากนักดื่มทุกคนไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือเวลาเคอร์ฟิวก็ไม่สามารถตั้งวงดื่มสุราได้ เพื่อไม่ให้เกิดการรวมกลุ่ม เกิดโรค ขดให้ ลด ละ เลิก และหากใครที่เลิกดื่มในช่วงนี้แล้วมีอาการมือไม้สั่น  อาการลงแดง หากมีอาการขอให้รีบไปพบแพทย์  เพราะจะมียาให้ทดแทนการดื่ม ซึ่งนักดื่มและญาติไม่ต้องกังวล ยาที่ให้เป็นยากล่อมประสาท และคลายความเครียด

7 ด้าน ควบคุม แก้ปัญหาโควิด-19   

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า การควบคุมโควิด-19 มีความเชื่อมโยงกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการหยุดการทำงาน เคลื่อนย้ายคน  จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการต่างๆ ขึ้นมาดูแล โดยกำหนดได้เป็น 7 ด้าน คือ 1.ด้านสาธารณสุข ขณะนี้ สธ.ได้มีมาตรการการจัดการในเรื่องจำนวนเตียง เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ต่างๆ รองรับผู้ป่วย การดูแลมีการถูกกระจายไปทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล มั่นใจว่าเพียงพอ

 2.ด้านความมั่นคง ในภาพรวมของการตัดจุด ควบคุม เป็นไปอย่างเข้มงวด และการส่งเครื่องบินไปรับเชื้อมาส่งตรวจมีความดูแลในเรื่องนี้ 3.การกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์ มีการรายงานว่าหน้ากากผ้าจ่ายไปแล้ว 50 กว่าล้านชิ้น และมีการหาพื้นที่ Local Quarantine ชัดเจนว่ามีเพียงพอ ส่วนการรวมตัว มั่วสุมของบุคคล มีมาตรการเข้มงวดดูแล

4.การเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ ได้รายงานว่ามีมาตรการเข้าออก และการเดินทางเข้าประเทศ มีการดำเนินการให้คนไทยเข้าประเทศโดยไม่ให้กระทบ และการข้ามคนงานข้ามแดน มีการประสานโดยให้ชะลอไว้ และการเข้ามาด่านทางช่องทางธรรมชาติ  มีการเข้มงวดเรื่องนี้ และมีการประสานกับเอกอัครราชทูต ประเทศเพื่อนบ้าน

158676431195

 5.การสื่อสารโทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เอามาใช้งานได้ 2 แอพพลิเคชั่น คือ แอพพลิเคชั่น หมอชนะ  เป็นการรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์ให้แก่ประชาน และแอพพลิเคชั่น DDC Care สำหรับผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เป็นระบบติดตามและประเมินผู้ที่มีความเสี่ยง

 6.ศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า ซึ่งสินค้าต่างๆตอนนี้เพียงพอ ดังนั้น ไม่ต้องตื่นตระหนกในการกักตุนสินค้า ขอให้มีความมั่นใจว่าดูแลกันได้ และ 7.คมนาคม ได้ดูแลเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ การดูแลความสะอาด ในระบบการคมนาคมต่างๆ แล้ว