'ชวลิต' เสนอทางออกปัญหาคนไทย 'ฆ่าตัวตาย' จากพิษเศรษฐกิจ
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อปัญหาการ "ฆ่าตัวตาย" ของคนไทยจากพิษด้านเศรษฐกิจรุมเร้า อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤติโควิด-19
ไม่กี่วันที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวใดสะเทือนใจเท่ากับข่าวที่พ่อกับลูกสาว วัยเพียง 5 ขวบ โดดน้ำฆ่าตัวตาย ทั้งพ่อ ทั้งลูก จากภาพวงจรปิดย้อนหลังเห็นภาพชัดเจนว่า พ่อตกงาน หางานไม่ได้ ต้องไปขอข้าวชาวบ้านกินกันอดตาย ก่อนไปโดดน้ำตาย และลูกซึ่งยังไม่รู้เดียงสาก็โดดน้ำตายตามพ่อ
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาพูดถึงปัญหาในกรณีแบบนี้ว่า ขณะนี้มีข่าวคนไทยฆ่าตัวตาย ทั้งตายสำเร็จและไม่สำเร็จ โดยมีสาเหตุมาจากพิษเศรษฐกิจอันสืบเนื่องจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ประชาชนตกงานแบบเฉียบพลัน กระทันหัน ไม่ทันตั้งตัว ไม่มีเงินแม้จะปะทังชีวิต ทั้งตนเอง ครอบครัว ลูก หลาน รวมทั้งไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าเช่าบ้าน จึงไม่มีที่จะซุกหัวนอน เมื่อเกิดความเครียด หาทางออกไม่ได้ ก็ฆ่าตัวตาย นี่เป็นสภาพของคนจนเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวชนบทที่เคลื่อนย้ายประชากรเข้ามาหางานยังเมืองใหญ่
เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากข่าวพบตัวเลขคนฆ่าตัวตายด้วยเหตุพิษภัยเศรษฐกิจ ปรากฎว่ามีจำนวนใกล้เคียงกับคนตายด้วยไวรัสโควิด จนเกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ตามมาว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการป้องกันปัญหาไม่ให้คนไทยฆ่าตัวตายด้วยพิษเศรษฐกิจด้วย ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ มีหลักธรรมค้ำจุนสังคมอยู่ คือ เมตตา กรุณา จึงควรให้ความสำคัญในการรักษาชีวิตคน ที่มีสาเหตุจากทั้งพิษโรคร้ายไวรัสโควิด และพิษเศรษฐกิจไปด้วยกัน โดยตนมีข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปัญหาคนไทยฆ่าตัวตายจากปัญหาเศรษฐกิจดังกล่าวข้างต้น ดังนี้
1. สำรวจปัญหาคนตกงานเฉียบพลัน
ออกประกาศและสำรวจปัญหาคนตกงานเฉียบพลันจากพิษเศรษฐกิจดังกล่าว แล้วดำเนินการช่วยเหลือทันที ไม่ชักช้า โดยไม่มีหลักเกณฑ์ยุ่งยาก ดังนี้
1.1 คนตกงานและครอบครัวทุกคน จะได้รับคูปองอาหารไว้บริโภค 3 มื้อทุกวัน และมีกระทรวงแรงงาน กับกระทรวงพัฒนาสังคม ฯ มาร่วมสำรวจเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการมีงานทำและที่อยู่อาศัย ให้สอบถามไปในคราวเดียวกันว่า เมื่อสถานการณ์ปกติ จะกลับบ้านในชนบทหรือไม่ ถ้ากลับ ให้รัฐบาลจัดส่ง
1.2 คนไทยทุกคน (เน้นคำว่าทุกคน) ทั้งที่ตกงานหรือไม่ตกงาน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล รายละ 5,000 บาท/เดือน รวม 3 เดือน เป็นเงิน 15,000 บาท โดยสามารถนำบัตรประชาชนไปขึ้นเงินได้ทุกธนาคารทันที แล้วธนาคารรวบรวมตั้งเบิกจากกระทรวงการคลังมาชดใช้ (ยกเว้นข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้รับเงินเยียวยา ส่วนคนมีฐานะจะสละสิทธิ์ไม่รับเงินเยียวยา หรือไม่ ก็ได้ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิเยียวยาไปแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับซ้ำ)
2. ควรให้ความสำคัญกับ SME
คนที่จะฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพียงระดับคนงานที่ตกงานโดยเฉียบพลันเท่านั้น แต่เจ้าของกิจการขนาดกลาง หรือขนาดย่อม ที่เรียกว่า SME มีเป็นจำนวนมากทึ่ได้รับผลกระทบ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือ แต่เมื่อเทียบสัดส่วนกับที่รัฐบาลช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งจำนวนเงินงบประมาณที่ช่วยเหลือ ทั้งจำนวนธุรกิจที่ช่วยเหลือ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับ SME ซึ่งเป็นธุรกิจของคนชั้นกลางและมีจำนวนมหาศาลที่เข้าไม่ถึงทุนให้มากกว่านี้ โดยควรสนับสนุนงบประมาณที่จะช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่เท่าที่จำเป็นจริง ๆ แล้วนำงบประมาณส่วนใหญ่มาช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ไม่ให้ล้มละลาย
ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งร่ำรวยระดับประเทศอยู่แล้ว มีความสามารถเพียงพอที่จะประคับประคองธุรกิจของตนเองได้ (ที่รวยมากอยู่แล้วให้รวยน้อยลง ไม่ใช่รวยขึ้นๆ) คนเครียดทึ่จะฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ มิได้มีเพียงคนระดับคนงานที่ตกงานโดยเฉียบพลัน แต่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้าไม่ถึงทุนซึ่งมีจำนวนมาก ควรได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง
3. เกษตรกรควรได้รับเงินเยียวยา 35,000 บาท
เกษตรกร เป็นอาชีพของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ได้รับผลกระทบจากสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ มาเป็นเวลา 5 - 6 ปี เมื่อมาประสบกับวิกฤตไวรัสโควิต - 19 จึงเดือดร้อนเป็นทวีคูณ และปัญหาความเดือดร้อนนั้น สลับซับซัอน ทั้งปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ เกษตรกรควรได้รับการเยียวยา ครัวเรือนละ 35,000 บาท ซึ่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยได้เคยนำเสนอไว้แล้ว ซึ่งผมจะติดตามการเยียวยาเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างใกล้ชิดต่อไป
กล่าวโดยสรุป การแก้ไขวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา เน้นมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งเป็นการควบคุมโรค นับว่าได้ผลเป็น ที่น่าชื่นชม น่าสรรเสริญ ขณะเดียวกันมาตรการควบคุมอย่างเคร่งครัด ก็ส่งผลเสียหายทางด้านเศรษฐกิจและสังคมตามมาอย่างมหาศาลเช่นกัน ดังเช่นมีคนฆ่าตัวตายในอัตราที่ใกล้เคียงกับคนตายด้วยพิษไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ไม่รวมความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่อาจประเมินค่าความเสียหายได้ ดังนั้น จึงเป็นหน้าทึ่ของรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร จะแก้ไขปัญหาวิกฤตไวรัสโควิต - 19 โดยวางน้ำหนักปัญหาด้านการควบคุมโรค กับปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม ให้เหมาะสมอย่างสมดุล ใช้มาตรการในการผ่อนคลายเพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อยังชีพได้ อย่างน้อยควรมีมาตรการควบคุมตามข้อเสนอแนะของ WHO ไว้ด้วย เพื่อคลายความกังวลของผู้ที่เป็นห่วงมาตรการควบคุมโรค
ส่วนการแก้ไขปัญหาคนฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจ สังคม เป็นปัญหาเฉพาะหน้า รีบด่วน ทึ่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว ข้อเสนอแนะข้างต้นเป็นมาตรการหนึ่ง ที่ต้องการให้ถึงมือประชาชนที่เดือดร้อนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะมีประชาชนฆ่าตัวตายมากกว่านี้