นำร่องฟื้นฟูป่าภาคเหนือแบบมีส่วนร่วม 300 เครือข่าย
กรมป่าไม้ยังเฝ้าระวังไฟป่าในช่วงที่มีการจัดระเบียบการเผาในพื้นที่ทำการเกษตร ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เผยถึงการเตรียมความพร้อมและแนวทางในการฟื้นฟูพื้นที่ป่าในส่วนของกรมป่าไม้ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ และห้ามไม่ให้มีการบุกรุกและนำพื้นที่ป่าไปใช้ประโยชน์หรือนำพื้นที่ไปใช้ทำการเกษตร พร้อมทั้งประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยให้จำแนกแต่ละพื้นที่ตามชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ และชนิดของป่าที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเป็นการช่วยกำหนดแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่ป่าได้ตามหลักวิชาการ โดยในเบื้องต้น จะปลูกไม้เบิกนำที่มีการเจริญเติบโตเร็วเพื่อเป็นการปรับสภาพพื้นที่ก่อน และค่อยปลูกไม้โครงสร้างพื้นถิ่นอื่น ๆ ตามลงไปในพื้นที่
พร้อมทั้งจะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยกรมป่าไม้ได้ร่วมมือกับประชาชนกลุ่มเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าในการร่วมกันปลูกฟื้นฟูป่าในพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งในปีนี้ มีการจัดตั้งหมู่บ้านเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าทั่วประเทศจำนวน 622 เครือข่าย และกรมป่าไม้ได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนหมู่บ้านเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า หมู่บ้านละ 5 หมื่นบาท เพื่อใช้ในการดำเนินการในด้านการฟื้นฟูบำรุงรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและการควบคุมไฟป่า
สมาชิกในเครือข่ายได้ประชุมหารือและลงมติร่วมกันในการบริหารงบประมาณที่ได้รับ โดยจะนำร่องเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ 300 เครือข่าย ที่มีการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ป่า โดยกรมป่าไม้จะได้สนับสนุนกล้าไม้ให้กับเครือข่ายเพื่อใช้ในการปลูกฟื้นฟูในพื้นที่
นอกจากเครือข่ายของกรมป่าไม้แล้ว ยังมีเครือข่ายควบคุมไฟป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อีก 180 เครือข่าย ที่จะเข้ามาร่วมในการฟื้นฟูพื้นที่อีกด้วย
ทั้งนี้ ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เตรียมกล้าไม้ในการใช้ปลูกฟื้นฟูจำนวน 66 ล้านกล้า ในส่วนของกรมป่าไม้ จำนวน 50 ล้านกล้า และกรมอุทยาน ฯ จำนวน 16 ล้านกล้า ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่าภาคเหนือ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และร่วมประชุมหารือในการเตรียมการในการฟื้นฟูพื้นที่ป่า
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ไฟป่าที่มีแนวโน้มดีขึ้น จึงต้องเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่เสียหายอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันมิให้มีการเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าที่เกิดไฟไหม้ และเพื่อเป็นการฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งได้มอบหมายให้กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมแผนในการฟื้นฟูสภาพป่าทางภาคเหนือ และสนับสนุนหมู่บ้านเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า 802 หมู่บ้านทั่วประเทศ ร่วมฟื้นฟูป่าที่ถูกไฟไหม้
นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวเสริมว่า นอกจากการเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย แล้ว การเฝ้าระวังไฟป่าในพื้นที่ก็ยังคงต้องดำเนินการควบคู่ไปเพื่อไม่ให้สถานการณ์ไฟป่าปะทุขึ้นมาอีก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่และเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า จะต้องช่วยกันเฝ้าระวังไฟป่าในช่วงที่มีการจัดระเบียบการเผาในพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชนที่ส่วนใหญ่จะเริ่มเตรียมปรับสภาพพื้นที่ในการเริ่มปลูกพืชผลการเกษตร เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก และทยอยเผาเศษวัสดุทางการเกษตรที่จะเริ่มมีการเผาในวันที่ 1 พ.ค. ในหลายพื้นที่ เพื่อมิให้ไฟลามเข้าไปในพื้นที่ป่า และเกิดผลกระทบในเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็กเพิ่มขึ้นอีก