นายกฯสั่งเข้มเยียวยา หลังงบพุ่ง 3.2 แสนล้าน
ครม.อนุมัติเยียวยาเกษตรกร 1.5 หมื่นบาท ทยอยจ่าย 10 ล้านราย วงเงิน 1.5 แสนล้าน พร้อมเพิ่มเราไม่ทิ้งกันอีก 2 ล้านคน เป็น 16 ล้านคน นายกฯ สั่งรอบคอบของบ หลังงบเยียวยาประชาชน-เกษตรกรพุ่ง 3.2 แสนล้าน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการเยียวยาประชาชน เกษตรกร และผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ 2 โครงการ คือ
1.โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามที่กระทรงงเกษตรและสหกรณ์เสนอผ่านกระทรวงการคลัง โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรตามที่ขึ้นทะเบียนไม่เกิน 10 ล้านราย จ่ายให้ 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.) เดือนละ 5,000 บาท รวม 15,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินรวม 1.5 แสนล้านบาท ใช้เงินจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเกษตรกรลงทะเบียนตามฐานข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 10 ล้านราย โดยกลุ่มแรก 8.43 ล้านราย ได้แก่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง เกษตรกรเป้าหมาย กลุ่มที่ 2 ได้แก่ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียน ไม่เกิน 1.57 ล้านราย โดยการโอนเงินสำหรับเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงินจะโอนเงินเข้าสู่บัญชีของเกษตรกรโดยตรงและไม่ต้องลงทะเบียน
2.ครม.เห็นชอบการเพิ่มจำนวนผู้รับสิทธิเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพอิสระ ลูกจ้าง และที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งได้ลงทะเบียนในโครงการเราไม่ทิ้งกัน.com จากเดิมไม่เกิน 14 ล้านราย เป็น 16 ล้านราย หรือเพิ่มอีก 2 ล้านคน รวมวงเงิน 2.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 หมื่นล้านบาท โดยให้ใช้งบประมาณจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็น 7 หมื่นล้านบาท และใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ.2563 อีก 1.7 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ครม.ได้หารือถึงวงเงินคงเหลือตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ โดยทั้งสองโครงการที่มีการอนุมัติให้ใช้เงินกู้จากส่วนนี้รวมเป็นวงเงิน 3.2 แสนล้านบาท
ขณะที่วงเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ที่กันไว้สำหรับการเยียวยาประชาชนมีวงเงิน 5.5 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่ออนุมัติวงเงินกู้เงินไปแล้ว 3.2 แสนล้านบาทแล้ว ทำให้เหลือกรอบวงเงินส่วนนี้ 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวใน ครม.ว่าขอให้ส่วนราชการที่จะเสนอโครงการใช้เงินกู้ส่วนที่เหลือให้คำนึงถึงความสำคัญและจำเป็นของโครงการให้มากที่สุด
“ครม.ไม่ได้หารือถึงความพอเพียงของแหล่งเงินกรณีที่มีการแพร่ระบาดยาวกว่าระยะเวลา 3 เดือน แต่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งข้อสังเกตว่าวันนี้เงินกู้ในส่วนที่มีการเยียวยาประชาชนกู้ไป 3 แสนล้านบาทแล้ว ในระยะต่อไปโครงการที่เสนอเข้ามาขอให้ดูความเเหมาะสมและความจำเป็นของการขอใช้เงินกู้ด้วย”