'สมาคมตราสารหนี้' มั่นใจ หุ้นกู้ '4แสนล้าน' คืนหนี้ครบ
“สมาคมตราสารหนี้” มั่นใจผู้ออกหุ้นกู้ สามารถชำระหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงที่เหลือของปีนี้ 4.42 แสนล้านบาทได้ เผยภาคธุรกิจเตรียมแผนทั้งออกชุดใหม่ ขอสินเชื่อแบงก์ และใช้กองทุนบีเอสเอฟ พร้อมคงเป้ายอดออกหุ้นกู้ปีนี้ 8.5-9 แสนล้านบาท
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้เอกชน)ที่จะครบกำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-30 ธ.ค.2563 มีมูลค่ารวม 4.42 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งระดับอินเวสเม้นท์เกรด 92% และอีก8 % เป็นไฮยิลด์บอนด์ โดยเชื่อว่าผู้ออกหุ้นกู้จะสามารถชำระคืนหนี้ดังกล่าวได้ เนื่องจากมีแหล่งเงินทุนที่สามารถนำมาชำระคืนหนี้ได้ หากบริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้ครบตามจำนวน ทั้งการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และ การขอวงเงินจากกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้(BSF)
ในส่วนหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตระดับอินเวสท์เม้นท์เกรด ส่วนตัวประเมินว่าหากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ไม่กลับมาระบาดรอบ2 เชื่อว่าจะมีผู้มาขอวงเงินจากBSF น้อย เพราะสถานการณ์โควิด-19เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และเงื่อนไขของBSF เข้มงวด ซึ่งผู้ออกจะต้องหาแหล่งเงินทุนอื่นมาก่อน จึงจะมาขอวงเงินจากBSFได้
สำหรับไฮยิลด์บอนด์ที่จะครบกำหนดตั้งแต่วันที่ 1พ.ค.-30 ธ.ค.2563 มีจำนวน 3.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น8%ของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้ ทางสมาคมตราสารหนี้ไทย ได้ทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานทั้งสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย(สมาคมโบรกเกอร์) สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ติดตามการสอบถามใกล้ชิดกับบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ออกหุ้นกู้ เรื่องแนวทางการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด
โดยไฮยิลด์บอนด์ที่ครบกำหนดปีนี้นั้น สัดส่วน 15% เป็นเสนอขายแก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจงไม่เกิน10 ราย ทำให้เจรจาหนี้กันได้ และอีก40% เป็นหุ้นกู้มีที่มีหลักประกัน เป็นที่ดิน สินค้า และบางบริษัทได้มีการระดมเงินทุนเตรียมไว้แล้วตั้งแต่ต้นปีเพื่อเตรียมเงินมาชำระคืนหุ้นกู้ โดยปัจจุบันได้ติดตามไปได้มากกว่า 2ใน3 ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปีนี้แล้ว ซึ่งยังพอมีเวลาติดตามในส่วนที่เหลือ เพราะทางสมาคมตราสารหนี้ จะเลือกติดตามหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดกก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ และเพื่อไม่ทำให้นักลงทุนกังวลในเรื่องดังกล่าว
“หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้อีก 4.42 แสนล้านบาทนั้น เชื่อว่าผู้ออกหุ้นกู้ จะทำทุกช่องทางเพื่อชำระคืนหนี้ได้ ทั้งการออกใหม่ หรือหากออกได้น้อยไม่ครบจำนวน ยังสามารถไปขอสินเชื่อแบงก์ได้ และ ยังสามารถมาขอวงเงินกับBSF ได้อีก ”
นายธาดา กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มีหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้จำนวน 1 บริษัท มูลค่า 390 ล้านบาท ขณะที่ในปี2562 มีหุ้นกู้ผิดนัดชำระ 2 บริษัท มูลค่า 1.93 พันล้านบาท ส่วนปี2561 ไม่มีหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งปี2560 มีจำนวน 7 บริษัท มูลค่า 1.45 หมื่นล้านบาท และปี2559 มีจำนวน 1 บริษัท มูลค่า 350 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ ยังคงเป้ายอดการออกหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนอยู่ที่ 8.5-9 แสนล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่าบริษัทต้องการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ หรือ เพิ่มสภาพคล่องมากขึ้น หลังจากที่โควิด-19 ระบาดอาจทำให้เงินสดที่เตรียมไว้ลดลง ทั้งเป็นการเสนอขายหุ้นกู้ออกใหม่ และเสนอขายหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด
ด้านนายศักดิ์ดา พงศ์เจริญยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนของไทยที่ออกหุ้นกู้นั้น มีความสามารถในการบริหารสภาพคล่องได้ดี และมีแหล่งเงินทุนทั้งสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เงินสดสำรองไว้ ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจและชำระหนี้คืนได้ บนสมมติฐานที่โควิด-19 สามารถที่จะควบคุมได้ภายในครึ่งปีแรก ซึ่งในเดือนมิ.ย.สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆทำให้ธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินได้ตามปกติ ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นได้ใน12-18 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ธุรกิจที่ออกหุ้นกู้จำนวนมากนั้น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดระดับปานกลาง และระดับน้อย เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า นอนแบงก์ อาหารและเครื่องดื่ม ทำให้มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง