อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย 'โควิด-19'
"นพ.ยง" ระบุ อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย "โควิด-19" จะเพิ่มขึ้น 1 ล้านคนทุก 12 วัน และจะเป็น 4 ล้านคนภายใน 10 พ.ค. หากควบคุมได้จะมีแนวโน้มลดลง แต่หากระบาดเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา จะทำให้เกิดการก้าวกระโดด และมีตัวเลขที่ไม่ได้รายงานอีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 63 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Yong Poovorawan โดยเนื้อหาระบุว่า...
โควิด-19 อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว รายงานเข้าสู่ระบบ ทั่วโลกจะมีอัตราการเพิ่มขึ้น ตั้งแต่มีผู้ป่วยได้ 1 ล้านคน อัตราการเพิ่มขึ้นจะเป็น 1 ล้านคนทุก 12 วัน เพิ่มเป็น 2 ล้านคน 3 ล้านคนและจะเป็น 4 ล้านคนภายในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ อัตราการเพิ่มขึ้นของทั่วโลกที่เป็นแบบนี้เปรียบเสมือนลดน้อยลง ไม่ได้เพิ่มแบบก้าวกระโดด และในอนาคตถ้าควบคุมได้แบบนี้ก็จะมีแนวโน้มลดลง สิ่งที่เป็นห่วงอย่างยิ่งคือการระบาดเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา ในอเมริกาใต้และแอฟริกา รวมทั้งอินเดีย ที่จะทำให้เกิดการก้าวกระโดด และจะมีตัวเลขที่ไม่ได้รายงานอีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ตัวเลขที่เห็น ขอยกตัวอย่างเช่นมหานครนิวยอร์ก มีการศึกษาทาง serology มีผู้ติดเชื้อไปแล้วประมาณ 20% แสดงว่ามีผู้ป่วยที่รายงานเป็น 1 ใน 10 ของจำนวนผู้ติดเชื้อเท่านั้น เช่นเดียวกันกับอีกหลายที่ โดยเฉพาะในยุโรป ตัวเลขที่รายงานจำนวนผู้ป่วย จะต่ำกว่าจำนวนที่ติดเชื้อจริงอย่างมาก เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่จะให้อยู่ที่บ้าน นอกจากมีอาการมากจึงจะรับมารักษาที่โรงพยาบาลมีผู้ป่วยจำนวนมากถึงมีอาการ ก็ไม่ได้รับการวินิจฉัย เพราะนอนอยู่ที่บ้าน
ประชากรไทยค่อนข้างโชคดี เพราะผู้ติดเชื้อทุกคน ได้รับการดูแลอย่างดีในโรงพยาบาล ไม่ใช่ให้นอนที่บ้าน ภาพรวมของผู้เสียชีวิตในประเทศไทย จึงค่อนข้างต่ำกว่าประเทศทางตะวันตก
ในความเป็นจริงอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ ถ้าถูกนับรวมทั้งหมด รวมผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้านของประเทศทางตะวันตกแล้ว น่าจะต่ำกว่าตัวเลขที่ทางตะวันตกรายงานเป็นทางการ จะเห็นว่าทางตะวันตกไม่ว่ายุโรปหรืออเมริกา อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยค่อนข้างสูงมากเช่นใน อังกฤษ อิตาลีและสเปน อยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ในอเมริกาเอง จากตัวเลขอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าการเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม รบกันนานกว่า 10 ปี
ประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตขณะนี้ อยู่ที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ นับว่าต่ำกว่าประเทศทางตะวันตกมาก ทั้งที่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ดีมาก เพราะเกิดจากที่ทุกคนช่วยกัน สิ่งที่สำคัญนับแต่นี้ไป เราจะต้องปรับตัวให้สมดุล ในการดำรงชีวิต ให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร ถ้ามีการแบ่งปันกัน และประคับประคองไม่ให้มีผู้ป่วย เกินกว่าระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ รอเวลาให้วิกฤตผ่านพ้นไป น่าจะใช้เวลา 1 ปี เราก็จะมียารักษาที่ดีขึ้น มีวัคซีนในการป้องกัน ก็จะกลับคืนมาสู่ชีวิตที่ปกติเหมือนเดิม