'บิทคับ' คาดกำไรโตกระฉูด 'โควิด' หนุนตลาดเงินดิจิทัล
เว็บเทรดเงินดิจิทัล “บิทคับ” เผยวิกฤติโควิด-19 หนุนตลาดงินดิจิทัลคึกคัก ยอดลูกค้าใหม่ทะลัก1.5แสนคน เทรดเฉลี่ย300-400ล้านต่อวัน คาดปีนี้มีรายได้ 240 ล้านบาท กำไรเข้าเป้า 100 ล้านบาท ลุยอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่บนแอพ ชู e-KYCยืนยันตัวตน
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งเว็บซื้อขายเงินดิจิทัล Bitkub.com เปิดเผยว่า ตลาดเงินดิจิทัลในไทย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจำนวนลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์และยอดเทรดซื้อขาย ไม่แตกต่างจากช่วงก่อนเกิดโควิดแต่อย่างใด ซึ่งมองว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากปัจจุบันมีส่วงแบ่งในตลาดแค่ 0.1% ของตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลกที่มีเม็ดเงินราว 500 ล้านล้านดอลลาร์
“วงการนี้ เราทำทุกอย่างบนโลกออนไลน์ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องมีการเว้นระยะห่างกันทางสังคม”
ปัจจุบันกระดานเทรด Bitkub.com มีส่วนแบ่งการตลาด95%ของตลาดเงินดิจิทัลในไทย โดยมียอดเทรดซื้อขายเป็นปกติ เฉลี่ยอยู่ที่ 300-400 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น5% จากปีก่อน และมีจำนวนคนที่เข้ามาเทรด 250,000 คน หรือเพิ่มขึ้น150,000 คน จากปีก่อนที่ 100,000 คน
ขณะเดียวกัน ยังมีจำนวนการเปิดบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เฉลี่ย 400 บัญชีต่อวัน มียอดเงินโอนเข้ามาซื้อขายเฉลี่ย 4,000 ล้านบาทต่อเดือน ตั้งแต่ต้นปีมานี้ยังเป็นแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อน ที่เติบโตกว่า1,000% จากเว็บเทรดซื้อขายเงินดิจิทัลBXที่ปิดไป
นอกจากนี้ ยังพบว่า บริษัทมีลูกค้ารายใหม่ ทั้งกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งจากตลาดหุ้น และวงการเกมทยอยเข้ามามากขึ้น ขณะที่ผู้เล่นหน้าเดิมยังคงเป็นรายย่อยทั่วไปที่ยังมีเงินลงทุนเหลือเพียงพอ และการโอนเงินข้ามประเทศ โดยมีลูกค้าเข้ามาฝากเงินกับเรามากขึ้น เพื่อเตรียมการซื้อขาย มีทั้งคนเก็งกำไรซื้อขายรายวันและลงทุนระยะยาว และใช้โอนเงินข้ามประเทศ
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าทำการซื้อขายเงินดิจิทัลบนทุกแพลตฟอร์มดิจิทัลได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะบนโมบายแอพพลิเคชั่น
ล่าสุด บริษัทได้เริ่มระบบ e-KYC เพื่อทำให้การยืนยันตัวตนง่ายและสะดวกมากขึ้น และสามารถทำการซื้อขาย ฝากถอนเงินกับทุกธนาคารได้มากถึง 50 ล้านบาทต่อวัน พร้อมทั้งมีความร่วมมือกับเทรดดิ้งวิวแฟลตฟอร์ม ที่ให้บริการข้อมูลวิเคราะห์ที่ครอบคลุมกับผู้ลงทุน
อีกทั้งบริษัทจะนำเหรียญฯ ยอดนิยมเข้ามาในกระดานเทรดมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีเหรียญฯในกระดานอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญ จากปัจจุบันมี 30 เหรียญ คาดว่าเร็วนี้ๆ จะนำเข้ามาราว 10 เหรียญฯ
โดยปีนี้ มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คาดว่าจะมีกำไร 100 ล้านบาท และมีรายได้ 240 ล้านบาท โดยปี2562 เริ่มมีกำไร 3 ล้านบาท และมีรายได้ 50 ล้านบาท โดยบริษัทใช้เงินลงทุนไป 47 ล้านบาท จากที่เริ่มธุรกิจในปีแรกใช้เงินลงทุนไป 67 ล้านบาท มีรายได้ 40 ล้านบาท ยังขาดทุนราว 20 กว่าล้านบาท