จับผู้ฝ่าฝืน 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน' 604 คน ทิ้งทวนก่อนปรับเวลาใหม่
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปยอดผู้ฝ่าฝืน "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" จำนวน 604 คน ทิ้งทวนก่อนปรับเวลาใหม่
เมื่อวันที่ 17 พ.ค.63 ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) ได้สรุปยอดผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม เวลา 22.00 น. จนถึงเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 04.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นบุคคล รวม 27,133 ราย และยานพาหนะ รวม 20,437 คัน จับกุมผู้ฝ่าฝืนได้ รวมทั้งสิ้น 604 คน ประกอบด้วยผู้ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร ขับขี่ยานพาหนะเล่น เดินทางกลับที่พัก หลังเวลาเคอร์ฟิว ออกมาทำธุระและอื่นๆ 556 ราย รวมตัวมั่วสุมในเคหสถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ รวม 48 ราย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สาเหตุของการออกนอกเคหสถาน 3 อันดับแรก ได้แก่ ออกมาทำธุระ ร้อยละ 30 อื่นๆ ร้อยละ 26 และ เดินทางกลับที่พัก หลังเวลา 23.00 น. ร้อยละ 25 มีผู้ถูกตักเตือน รวม 15 คน และถูกดำเนินคดี รวม 556 คน
ส่วนสาเหตุการชุมนุม มั่วสุม ในเคหสถาน 3 อันดับแรก ได้แก่ ดื่มสุรา ร้อยละ 48 ลักลอบเล่นการพนัน ร้อยละ 29 เสพยาเสพติด ร้อยละ 23 โดยมีผู้ถูกดำเนินคดี 48 คน
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีสถิติการจับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีออกนอกเคหสถาน สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จ.ปทุมธานี 53 คน กรุงเทพมหานคร 41 คน และจ.สมุทรสาคร 38 คน
สำหรับผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
สถิติสะสมการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย 4-16 พฤษภาคม 2563 ใช้กำลังชุดสายตรวจร่วมทั้งหมด 1,965 ชุด รวม 15,045 นาย ออกตรวจกิจการและกิจกรรมทั้ง 8 ประเภท จำนวน 229,835 แห่ง ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 85,353 แห่ง ร้านค้าปลีก ค้าส่งขนาดย่อม ตลาด 70,551 แห่ง ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย 47,800 แห่ง
โดยปฏิบัติครบทุกมาตรการหลักจำนวน 226,005 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 99 ไม่ปฏิบัติตามมาตรการหลักบางข้อ 3,825 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 1 ไม่ปฏิบัติตามาตรการหลักเลย 5 แห่ง ให้คำแนะนำเพิ่มเติม 41,244 แห่ง และไม่มีกรณีเสนอผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เพื่อสั่งปิดสถานประกอบการเฉพาะรายแต่อย่างใด