‘ศรีตรัง’ อัพไซด์จำกัด ทะยานนิวไฮรอบ 3 ปี
“หุ้นกลุ่มยางพารา” กลับมาร้อนแรงอีกครั้งในรอบกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังราคาหุ้นพุ่งกระฉูด บวกกระหน่ำกันยกกลุ่ม ทำนิวไฮใหม่รอบหลายปี เรียกว่าไม่สนไม่แคร์ภาวะตลาดกันเลยทีเดียว
แรงส่งรอบนี้มาจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลาย ทำให้หลายประเทศทยอยปลด “ล็อกดาวน์” ภาคธุรกิจกลับมาผลิต กลับมาเปิดบริการอีกครั้ง หนุนดีมานด์ยางพาราฟื้นตัวขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งฐานการผลิตใหญ่ในประเทศจีนกลับมาเดินเครื่อง หลังหยุดมาหลายเดือนตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราเพื่อนำไปผลิตล้อรถยนต์เพิ่มขึ้นไปด้วย
ส่วนอีกหนึ่งสินค้าที่กำลังมาแรงและอินเทรนด์สุดๆ คือ ถุงมือยาง กลายเป็นสินค้ายอดฮิต ขายดิบขายดียุคโควิด ซึ่งนอกจากเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับแพทย์ พยาบาล ที่ต้องใกล้ชิดผู้ป่วยแล้ว ประชาชนทั่วไปใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันเชื้อโรคกันมากขึ้น หนุนยอดขายเพิ่มขึ้นหลายตัวเท่า จนผลิตแทบไม่ทัน
ปัจจัยเหล่านี้กลายเป็นแรงหนุนสำคัญให้นักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อ ดันราคาหุ้นยางพาราสุดคึกคัก นำทีมโดยพี่ใหญ่ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ซึ่งทำธุรกิจครบวงจร เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ มีสวนยางพารากว่า 4.5 หมื่นไร่ ในหลายจังหวัดของประเทศไทย
ธุรกิจกลางน้ำ มีกำลังการผลิตยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น กว่า 2.86 ล้านตันต่อปี จาก 36 โรงงาน ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเมียนมา ด้วยมาร์เก็ตแชร์ราว 8% ของความต้องการยางธรรมชาติทั่วโลก
ส่วนธุรกิจปลายน้ำ บริษัทได้ต่อยอดมาผลิตถุงมือยาง ภายใต้บริษัทลูก บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ซึ่งมีกำลังการผลิตกว่า 3.3 หมื่นล้านชิ้นต่อปี โดยส่งออกไปมากกว่า 95 ประเทศทั่วโลก สามารถสร้างยอดขายในปีที่ผ่านมาถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
ครบเครื่องแบบนี้จึงไม่แปลกที่ราคาหุ้นจะพุ่งไม่หยุด ล่าสุด (22 พ.ค.) ขึ้นมาทำนิวไฮใหม่ในรอบ 3 ปี บวกสวนกระดาน วอลุ่มนำโด่งมาเป็นอันดับ 1 โดยปิดซื้อขายที่ราคาสูงสุดของวัน 22.70 บาท
และถ้าย้อนกลับไปดูตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้น STA พุ่งติดจรวดขึ้นมาแล้ว 127% เมื่อเทียบกับราคาปิดปี 2562 อยู่ที่ 10 บาท ดังนั้น ใครถือมาตั้งปลายปีก่อน คงยิ้มกันแก้มปริ เพราะได้กำไรมากกว่าเท่าตัว โดยเดือน พ.ค. นี้ เป็นช่วงที่ราคาหุ้นดีดตัวแรงมากที่สุด ไต่ระดับจาก 13 บาท ขึ้นมาจนทะลุ 20 บาท เรียกว่าไม่ธรรมดา
สะท้อนผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 สุดแกร่ง พลิกมีกำไร 854 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุน 627 ล้านบาท ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์กันไว้ เรียกว่าโตสวนโรคระบาด รับอานิสงส์รายได้จากการขายยางธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ปริมาณและราคาขาย ขณะที่คู่แข่งในต่างประเทศ ประสบปัญหาต้องปิดโรงงานหลังโควิด-19 ระบาดหนัก ออเดอร์จึงไหลเข้ามาที่บริษัท
ส่วนที่โตก้าวกระโดด คือ ถุงมือยาง ทำยอดขายไปได้ถึง 6,277 ล้านชิ้น เติบโตถึง 29.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14.5% จากไตรมาสก่อน ตุนรายได้เข้าบริษัท 3,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 3,043 ล้านบาท และ เพิ่มขึ้น 20.2% จากไตรมาส 4 ปี 2562
ล่าสุด ผู้บริหารออกมาโปรยยาหอมให้ข่าวว่า มีออเดอร์ถุงมือยางยาวไปถึงกลางปีหน้า และราคาขายจะเพิ่มขึ้น 5% ทุกไตรมาส ตามดีมานด์ที่เติบโตก้าวกระโดด แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะเริ่มดีขึ้น แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พฤติกรรมหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป เกิดความตื่นตัวในการรักษาความสะอาด สุขภาพอนามัยมากขึ้น ถุงมือยางจึงยังเป็นสินค้าจำเป็นในยุคความปกติใหม่ (New Normal)
เมื่อทุกอย่างดูสดใส งบฯ ดีเกินคาด กูรูหลายสำนักจึงพาเหรดออกมาปรับเพิ่มประมาณการ ทั้งผลประกอบการและราคาเป้าหมายกันให้พรึบ แต่หากเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน เกินพื้นฐานของหลายโบรกฯ ไปแล้ว
ราคาสูงสุดที่แนะนำอยู่ที่ 27 บาท โดยบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ดังนั้น คำถามดังๆ ที่ว่าหุ้น STA แพงไปหรือยัง ? ยังซื้อได้อยู่หรือไม่ ? …… คำตอบน่าจะสะท้อนจากราคาหุ้นที่ปิดล่าสุด 22.70 บาท ถือว่าอัพไซด์จำกัดเต็มที
และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า ราคาพื้นฐานที่นักวิเคราะห์แนะนำนั้น รวมทุกปัจจัยบวกเข้าไปหมดแล้ว ดังนั้น ถ้าอยากจะไปต่อควรต้องมีแรงหนุนใหม่เข้ามาเสริม ในมุมกลับกันถ้ามีแรงเทขายทำกำไรออกมา ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะหลายคนได้กำไรไปเกินเท่าตัวแล้ว