นักการเมืองอดีตไทยรักไทย ประชุมนัดแรกถกหาทางออกประเทศ
กลุ่มนักการเมืองอดีตพรรคไทยรักไทย รวมกลุ่มพูดคุยนัดแรก เตรียมเสนอทางออกประเทศ 3 ระยะ ชี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นอุปสรรคการฟื้นเศรษฐกิจ และมีระเบิดลูกใหญ่ทางเศรษฐกิจรออยู่
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ,นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช , นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย นักการเมืองอดีตพรรคไทยรักไทย พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มตัวแทนจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ หลากหลายประสบการณ์ และหลากหลายวัย อาทิ นักธุรกิจ นักเขียน กลุ่มผู้ทำงานด้านสตาร์ทอัพ ด้านไอที นักวิชาการ สื่อมวลชน ตัวแทนเยาวชน คนรุ่นใหม่ รวมทั้งกลุ่มบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในแวดวง การเมือง เศรษฐกิจและ สังคม ประมาณกว่า 30 คน ที่สำนักงาน แห่งหนึ่งย่าน ถนนพระราม 9
ทั้งนี้ การพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งนี้ เป็นการพบปะร่วมกันครั้งแรก หลังจากที่ได้มีโอกาส แลกเปลี่ยนความเห็นกันเป็นรายบุคคล มาช่วงระยะเวลาหนึ่งพวกเราเห็นตรงกันว่า บรรยากาศของบ้านเมืองในปัจจุบันต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ในสังคม ที่คับข้องใจและเป็นกังวลกับอนาคตทั้งของตนเองและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง
ตลอดเวลากว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมสรุปความเห็นร่วมกันว่า เรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะพิจารณาในขณะนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การมุ่งให้ความสำคัญ กับการนำเสนอแนวคิด ด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ที่สะท้อนทางเลือกและทางรอดของสังคมไทย โดยคาดว่าจะมีการหารือกันต่อในครั้งหน้า เกี่ยวกับกรอบการทำงานร่วมกัน 3 ระยะ คือ ระยะสั้นควรมีการนำเสนอให้ สังคมได้เห็นถึงปัญหาและผลกระทบอย่างรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจยากต่อการฟื้นตัว หากยังยืนยันที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ และที่ยิ่งน่ากังวลมากขึ้นคือพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับกรอบการทำงานระยะกลาง คือ ในช่วงเวลา 150 วันนับจากนี้ ที่ประชุมคาดการณ์ตรงกันว่า วิกฤติเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มรุนแรง อย่างมาก และจะส่งผลกระทบโดยตรงแก่ประชาชนในประเทศ ทางกลุ่มน่าจะมีการนำเสนอ ทางเลือกให้สังคม เนื่องจากวิกฤตการณ์ประเทศในอีก 150 วันข้างหน้านั้น มีระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ที่รออยู่ และมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบออกจากห้องICU ได้เลย
ส่วนกรอบการทำงานระยะยาว … ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า หากสังคมไทย ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีความเป็นประชาธิปไตย และให้มีหลักประกันที่จะสร้างการมีส่วนร่วมของคนในสังคม และ การมีกลไกตรวจสอบให้เกิดสมดุลย์ในการพัฒนาประเทศ … ตัวรัฐธรรมนูญเองคือปัจจัยที่ก่อให้เกิดการขัดขวาง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ชึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างหนักกับประเทศในอนาคต
ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ปัจจุบัน สังคมไทย เกิดความอับจนและตกต่ำอย่างหนักทางด้านสติปัญญา ในการแสวงหาทางออกให้สังคม และโหยหาการเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาสังคม ให้มีอนาคตเกิดขึ้นแก่ทุกคน จึงคาดหวังให้การรวมกันของพวกเราสามารถขยายตัวเติบใหญ่ขี้น และสามารถพัฒนา ไปเป็นกลไกหรือองคาพยพในการเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่ดีกว่า และการพูดคุยกันครั้งหน้าผมคิดว่าเราน่าจะมีความชัดเจนเรื่องชื่อกลุ่ม รวมทั้ง การสื่อสารความคิดของกลุ่มต่อสาธารณะ ซึ่งคาดว่าคงจะมีกลุ่มบุคคลที่จะมาร่วมคิดร่วมคุยในแวดวงที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
มีประโยคหนึ่งในการประชุมของตัวแทนเยาวชนที่บอกว่า"คนรุ่นใหม่ในวันนี้ถูกทำลายความหวังและความฝันโดยคนรุ่นเก่า เพราะบริบทสังคมไทยวันนี้ไม่เอื้อให้เห็นอนาคตของศตวรรษที่ 21 แต่พาพวกเรากลับไปสู่โลกของอดีต" ทำให้ผมคิดว่าพวกเรายิ่งต้องช่วยกันฝ่าวิกฤติใหญ่ครั้งนี้ไปให้ได้เพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลานในวันข้างหน้า