ผ่อนปรนระยะ 3 คึกคัก อีเวนท์พื้นที่ 2 หมื่นตร.ม.จัดได้ หดเคอร์ฟิวส์ 5 ทุ่มถึงตี 3

เอกชนหนุนปลุกธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ศบค.ชุดเล็ก เตรียมชงชุดใหญ่ เคาะผ่อนปรน เฟส 3 วันนี้ ขยับเคอร์ฟิว 5 ทุ่ม-ตี3 ไฟเขียวจัดอีเวนท์ เปิดห้างถึง 3 ทุ่ม อนุญาตโรงหนัง โรงละคร นั่งกินอาหารเป็นกลุ่มในร้าน 4-6 คน เลขาฯสมช. คาดกลับสู่ภาวะปกติใน มิ.ย.

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวันที่ 28 พ.ค.63 พบผู้ป่วยรายใหม่ 11 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และเขาพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ โดยรายที่ 1 เพศหญิง อายุ 32 ปี เดินทางกลับมาจากอินเดีย วันที่ 22 พ.ค.2563 เข้าพักโรงแรมใน จ.สมุทรปราการ วันที่ 25 พ.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการป่วย เข้ารักษาใน รพ.แล้ว ส่วนอีก 6 ราย เดินกลับจากประเทศกาตาร์ อาชีพพนักงานนวด เพศชาย 5 ราย เพศหญิงเป็นแม่บ้าน 1 ราย เดินทางมาถึง 22 พ.ค. เข้าพักโรงแรมใน กทม. ผลตรวจพบเชื้อ 26 พ.ค. ส่วนอีก 4 ราย เดินทางกลับมาจากคูเวต เพศชาย ทำงานที่แคมป์บริษัทต่างชาติ มาถึงวันที่ 24 พ.ค. เข้าพักในโรงแรมในกทม. ผลตรวจ 26 พ.ค.พบเชื้อ

สำหรับภาพรวมมีผู้ป่วยสะสม 3,065 ราย รักษาหายแล้ว 2,945 ราย ยังรักษาใน รพ. 63 ราย และเสียชีวิตสะสม 57 ราย

นพ.ทวีศิลป์ระบุว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในสถานกักกันของรัฐส่วนกลางและจังหวัด ตั้งแต่ ก.พ.-28 พ.ค.2563 พบผู้ป่วยที่เข้าพักในสถานที่กักกันซึ่งเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศไทย จำนวน 128 ราย เพศชาย 111 ราย เพศหญิง 17 ราย อายุเฉลี่ย 39 ปี อายุต่ำสุด 15 ปี สูงสุด 77 ปี สัญชาติไทย 98.44 % อเมริกา 0.78 % และอังกฤษ 0.47 %

มีผู้เข้าพัก 27,302 ราย คิดเป็นอัตราป่วย ในกลุ่มผู้เข้ากักโรค 0.47% โดยจำแนกการพบผู้ป่วยตามจังหวัด ที่ตั้งของสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ได้แก่ สงขลา 22 ราย สตูล 18 ราย กทม. 27 ราย ปัตตานี 13 ราย ยะลา 9 รายลบุรี 24 ราย นราธิวาส 7 ราย กระบี่ 3 ราย และสมุทรปราการ 5 ราย

จำนวนผู้เดินทางกลับประเทศไทย ที่ตรวจพบติดเชื้อ ระหว่างวันที่ 3 เม.ย.-27 พ.ค.2563 ประกอบด้วย มาเลเซีย 13,353 ราย ติดเชื้อ 4 ราย อินเดีย 1,883 ราย ติดเชื้อ 3 ราย สหรัฐอเมริกา 1,466 ราย ติดเชื้อ 7 ราย ญี่ปุ่น 777 รายติดเชื้อ 1 ราย ยูเออี 468 ราย ติดเชื้อ 5 ราย อินโดนีเซีย 341 ราย ติดเชื้อ 65ราย บาห์เรน 314 ราย ติดเชื้อ 1 ราย รัสเซีย 295 รายติดเชื้อ 3 ราย อังกฤษ 253 ราย ติดเชื้อ 2 ราย

เนเธอร์แลนด์ 237 ราย ติดเชื้อ 1 ราย อียิปต์ 198 ราย ติดเชื้อ 3 ราย ฟิลิปปินส์ 171 ราย ติดเชื้อ 1 ราย คูเวต 165 ราย ติดเชื้อ 6 ราย ปากีสถาน 114 ราย ติดเชื้อ 10 ราย จีน 112 ราย ติดเชื้อ 1 ราย คาซัคสถาน 55 ราย ติดเชื้อ 2 ราย และซาอุดิอาระเบีย 6 ราย ติดเชื้อ 6 ราย ทั้งนี้ คนไทยที่จะได้เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยได้แบ่งเป็น กลุ่มด่วนที่สุด ได้แก่ ผู้ป่วย ผู้ที่ตกค้างสนามบิน เช่น นักท่องเที่ยว และผู้ที่วีซ่าหมดอายุ และกลุ่มด่วนมาก ได้แก่ พระสงฆ์ นักเรียนนักศึกษา และคนตกงาน

เมื่อเปรียบเทียบแหล่งการติดเชื้อ พบว่า ประวัติติดเชื้อจากต่างประเทศรวมถึงผู้ที่เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ด้วย 621 ราย คิดเป็น 20.26 % และติดเชื้อภายในประเทศ 2,444 ราย คิดเป็น 79.74 % จำนวนจังหวัดจำแนกตามแหล่งติดเชื้อ ได้แก่ พบผู้ป่วยจากต่างประเทศ (แต่อยู่เฉพาะในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้) 1 จังหวัด จากต่างประเทศทั้งในและนอกสถานที่กักกัน 8 จังหวัด จากต่างประเทศแต่ไม่อยู่ในสถานที่กักกัน 35 จังหวัด และไม่มีผู้ป่วยจากต่างประเทศ 33 จังหวัด

สธ.ประเมินคุมเข้มกลุ่มนวด

ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า จากรายงานผู้ป่วยรายใหม่ที่พบในประเทศไทยขณะนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบว่าไปทำงานเกี่ยวกับการนวด ซึ่งเรื่องนี้ได้แจ้งต่อ ศบค.กระทรวงสาธารณสุข เพื่อทำการสอบสวนเชิงลึก ว่าเป็นการติดเชื้อจากการให้บริการนวด หรือเกิดจากการใช้ชีวิตปกติตอนที่ยังอยู่ต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ หากมีการเปิดให้กิจการนวดำเนินการได้ในระยะต่อไปนี้ ขอให้ผู้ประกอบการร้าน งดรับหมอนวดไทยที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเข้าทำงาน แม้ว่าจะผ่านการกักแยกเผื่อเฝ้าระวังโรค 14 วันในสถานที่ที่รัฐจัดหา โดยรวมประมาณ 1 เดือนก่อน

ถกศบค.ชุดเล็กเคาะ“เฟส 3”

วันเดียวกัน(28พ.ค.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ศบค.ชุดเล็ก ซึ่งมี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งศิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.เป็นประธาน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วม พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค โดยมีการพิจารณามาตรผ่อนคลายกิจกรรมและกิจการต่างๆ ในระยะที่ 3

ไฟเขียวกิจการ-กิจกรรมเพิ่ม

หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า การประชุมศบค.คณะใหญ่ วันที่ 29 พ.ค.นี้ จะพิจารณาลดเวลาเคอร์ฟิวลงอีก 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ จะมีผลสรุปว่า กิจกรรมและกิจการใดบ้างที่จะได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 3 โดยน่าจะเป็นการเปิดให้ประชาชนสามารถทำกิจกรรมเพิ่มเติม ในกิจการที่ได้รับการผ่อนคลายไปแล้วก่อนหน้านี้ อาทิ อาจจะผ่อนปรนให้โรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้า และนอกห้างฯ รวมถึงโรงละคร โรงมหรสพ การเปิดกิจการนวดแผนโบราณ ที่ต้องปรับรูปแบบการให้บริการ และ การให้ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัดได้

สำหรับข้อมูลและความคิดเห็นจากการประชุม ที่ตนจะเสนอในที่ประชุม ศบค.คณะใหญ่ นั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกลุ่มกิจกรรมหรือกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันยังจำเป็นต้องเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ทั้งการเว้นระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัย เพราะยิ่งภาครัฐผ่อนคลายให้มากขึ้น ประชาชนยิ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่หละหลวม รวมถึงต้องใช้แอพพลิเคชั่น เพื่อติดตามและเฝ้าระวังมากขึ้นด้วย

กวดวิชา-สวนน้ำ-สวนสนุกยังงด

ส่วนจะผ่อนปรนให้โรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ และสวนสนุก ด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กิจการเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอยู่ จึงยังไม่น่าจะได้รับการอนุญาต และต้องรอการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ขอให้รอความชัดเจนจาก ศบค.ชุดใหญ่ ส่วนตัวคิดว่าประเภทกิจการและกิจกรรมต่างๆ จะทยอยได้รับการผ่อนคลายหมดภายในเดือน มิ.ย.นี้

เคอร์ฟิว5ทุ่มถึงตี3-ปิดห้าง3ทุ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้สรุปมาตรการ ระยะ 3 เบื้องต้นจะปรับเวลาเคอร์ฟิว ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. การปรับเวลาปิดห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่ให้ปิดในเวลา 20.00 น. มาเป็น 21.00 น. โดยจะมีร้านค้าภายในห้าง ที่จะได้กลับมาเปิดบริการเพิ่มเติม รวมถึงอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้าน สำหรับกลุ่มที่มาด้วยกัน ตั้งแต่ 4-6 คน

นอกจากนี้ จะอนุญาตให้เปิดสถานที่จัดงานอีเวนท์ งานแสดงสินค้า ในพื้นที่ไม่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร เพื่อให้ธุรกิจ หรือโรงแรมสามารถเดินต่อไปได้ รวมทั้งจะมีการอนุญาตให้ร้านนวดแผนไทยกลับมาเปิดกิจการได้ รวมถึงร้านตัดผม จากเดิมในการผ่อนปรนระยะ 2 อนุญาตผู้ประกอบการให้บริการเฉพาะ ตัด สระ ซอย แต่งผม โดยในระยะต่อไป จะอนุญาตเพิ่มเติมให้ทำสีผมได้ภายในเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ ในส่วนของสถานบันเทิง ผับ บาร์ มวย รวมถึงกิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อสูงนั้น ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

เซ็นทรัลรับลูกเปิดห้างถึง3ทุ่ม

ด้านความเห็นผู้ประกอบการ นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ต กล่าวว่า ซีพีเอ็น ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมตามแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ให้ร้านค้ากลุ่มธุรกิจที่อาจได้รับการปลดล็อคในระยะที่ 3 ไว้ล่วงหน้า

บริษัทเสนอมาตรการเพิ่มเติมของร้านอาหารในการจัดที่นั่งในร้าน โดยให้ร้านค้าจัดโซนเป็น แฟมิลี่โซน สำหรับสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยในบ้านเดียวกันสามารถนั่งรับประทานอาหารร่วมกันได้ ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 8 คน นอกจากนี้ ซีพีเอ็น เสนอปรับการจำกัดพื้นที่ลดความแออัดในศูนย์การค้าเป็น 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร พร้อมผ่อนผันให้ขยายเวลาเปิดให้บริการเป็น 21.00 น. พร้อมเสนอให้ปรับปรุงระบบให้สแกนเช็คเอาท์ แบบอัตโนมัติเมื่อมีการสแกนเช็คอินเข้าร้านค้าใหม่ ลดการใช้เวลาเพื่อความสะดวกของประชาชน หรือสามารถเข้าแอพพลิเคชั่นไทยชนะผ่านไลน์ centralLife ได้เช่นกัน

“อินเด็กซ์” ชี้ช่วยฟื้นอีเวนท์

นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากรัฐคลายล็อกให้มีการจัดอีเวนท์ในพื้นที่ไม่เกิน 20,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) ได้นั้น ถือเป็นข่าวดี ที่จะช่วยฟื้นธุรกิจอีเวนท์ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับการล็อกดาวน์ประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่เงินหายไปจากธุรกิจอีเวนท์ราว70% หรือ 14,000 ล้านบาท จากคาดการณ์ที่ 20,000 ล้านบาท ส่งผลกระทบกับธุรกิจขนาดเล็กที่มีสายป่านไม่ยาวพออาจจะหายไปจากตลาด

“ถือเป็นข่าวดีการผ่อนคลายให้จัดงานอีเวนท์ขนาด2หมื่นตร.ม. ซึ่งก็เท่ากับฮอลล์ขนาดชาเลนเจอร์ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี แต่แม้ขนาดจะใหญ่ แต่ก็ต้องปรับตัว ไม่สามารถจัดงานได้ขนาดเท่าเดิม แบบมีผู้เข้าร่วมงานหลักหมื่นในครั้งเดียว เพื่อป้องกันการเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ รวมไปถึงการประกาศครั้งนี้ต้องใช้เวลาเตรียมการไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือนกว่าทุกอย่างจะกลับมาฟื้นตัว”