ประมวลเสียงรุมประณาม ‘ทรัมป์’ ขู่ใช้ทหารปราบม็อบ
คำขู่ของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้นำสหรัฐ ที่ว่าจะใช้ทหารปราบม็อบซึ่งมีชนวนเหตุจากการเสียชีวิตของ "จอร์จ ฟลอยด์" นำมาซึ่งเสียงประณามจากหลายฝ่าย รวมถึงคู่แข่งทางการเมือง
หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐแถลงที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ (1 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า หากรัฐและเมืองต่าง ๆ ล้มเหลวในการควบคุมการประท้วงไม่ให้บานปลาย เขาจะสั่งให้กองกำลังทหารสหรัฐเข้าจัดการทันที ถ้อยแถลงนี้เรียกเสียงประณามจากหลายฝ่ายรวมทั้ง "โจ ไบเดน" ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดี
ไบเดน ที่เพิ่งไปพบกับผู้ประท้วงต้านการเหยียดสีผิวเมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) ระบายอารมณ์ผ่านทวิตเตอร์ ถึงการที่ทรัมป์รับมือการประท้วงทั่วประเทศ ชนวนเหตุมาจากการเสียชีวิตของ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวในมินนิโซตาใช้กำลังเกินกว่าเหตุจนเสียชีวิต
“เขาใช้ทหารอเมริกันกับคนอเมริกัน เขายิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมอย่างสงบเพื่อถ่ายรูป เพื่อเด็กๆ ของเรา เพื่อทุกๆ จิตวิญญาณแห่งประเทศของเรา เราต้องเอาชนะเขา”
ข้อความของไบเดนหมายถึงการที่ทรัมป์ตัดสินใจใช้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรวมถึงสารวัตรทหารเพื่อสลายการชุมนุมที่ด้านนอกทำเนียบขาว ให้ทรัมป์ไปถ่ายรูปที่โบสถ์เซนต์จอห์นในบริเวณใกล้เคียง
ไบเดนประกาศด้วยว่า เช้าวันอังคาร (2 มิ.ย.) เขาจะไปปราศรัยหาเสียงที่ฟิลาเดลเฟียเรื่องการประท้วงของพลเรือนทั่วสหรัฐ ถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งที่ 3 นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดเมื่อกลางเดือน มี.ค.
ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตรายนี้ถูกวิจารณ์มาตลอดว่าเข้าถึงยาก มัวแต่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้านในช่วงล็อกดาวน์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไบเดน วัย77 ปี กำลังกระแสดีและพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าหาเสียงในช่วงที่่มาตรการล็อกดาวน์ผ่อนคลายแล้ว
เมื่อวันจันทร์ ไบเดนพบผู้นำศาสนาและการเมืองที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ณ เมืองวิลมิงตัน บ้านเกิดของตนในรัฐเดลาแวร์ เขากล่าวหาทรัมป์จากพรรครีพับลิกันว่าส่งเสริมให้เกิดการเกลียดชังเหยียดผิว ปล่อยให้ชาติพันธุ์กลุ่มน้อยต้องเสียหายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากที่สุด ตัวจริงของทรัมป์ได้ถูกเปิดโปงออกมาชนิดที่ไม่อาจเสแสร้งได้อีกต่อไป
“ความเกลียดชังอาจเก็บซ่อนไว้ได้ แต่ไม่ได้หายไปไหน เมื่อคุณได้ผู้มีอำนาจที่หายใจเข้าเป็นความเกลียดชัง ก็ต้องหายใจออกเป็นความเกลียดชัง การพูดจาของประธานาธิบดีจึงสำคัญ เพราะมันกระตุ้นให้ผู้คนเอ่ยวาจารุนแรงออกมาด้วย” ไบเดนกล่าวที่โบสถ์เบเทล เอเอ็มอี
จากนั้นไปพูดที่ศาลาประชาคมจำลองเรื่องการเหยียดผิว ไบเดนกล่าวถึง การเหยียดผิวอย่างเป็นระบบและความเหนือกว่าของคนผิวขาว ที่ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเจอมาตลอด
แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้ทวิตเตอร์วิจารณ์ทรัมป์
“สิ่งที่ประธานาธิบดีทำในวันนี้คือการเรียกทหารมาจัดการประชาชน เขาใช้ทหารผลักดันการประท้วงอย่างสันติ เพื่อให้ได้ไปถ่ายรูปที่โบสถ์ นี่มันรายการทีวีเรียลิตีโชว์เพื่อประธานาธิบดีชัด ๆ”
ที่ทรัมป์ต้องขู่เช่นนั้นเพราะเมื่อคืนวันจันทร์ กว่า 40 เมืองของสหรัฐสั่งเคอร์ฟิว หลังเกิดเหตุรุนแรงมาหลายคืนติดต่อกัน
นครนิวยอร์กสั่งเคอร์ฟิว ระหว่าง 23.00 น. วันจันทร์ถึง 5.00 น.วันอังคาร เพราะเกิดเหตุปล้นร้านค้าไม่หยุดหย่อน ปรากฏว่า ก่อนเคอร์ฟิวร้านรวงสินค้าหรูในย่านแมนฮัตตันถูกปล้นระนาว เช่น ไมเคิล คอร์ส บนถนนฟิฟธ์อะเวนิว ไนกี้ เลโก้ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า “เบสท์บาย” ในย่านมิดทาวน์ถูกทำลายเสียหาย ตำรวจจับกุมประชาชนหลายร้อยคนทั่วเมือง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มคนหนุ่มสาวย้ายจากบล็อกหนึ่งไปอีกบล็อกหนึ่งในย่านที่เคยคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ตอนนี้ร้างไร้ผู้คนเพราะไวรัสระบาด
บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กเผยว่า ร้านค้าหลายร้านรอบเมดิสันอะเวนิว ถูกปล้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้
เดอ บลาซิโอ ทวีตข้อความเมื่อกลางดึกวันจันทร์ “ผู้ประท้วงวันนี้ส่วนใหญ่เป็นไปโดยสงบ แต่ก็มีบางคนทำลายอาคารสถานที่และปล้นสะดม”
แต่เมื่อทรัมป์ประกาศว่าจะใช้กำลังทหารปราบม็อบ นายกเทศมนตรีจากพรรคเดโมแครตรายนี้ก็ประณามว่า ทรัมป์ใช้คำพูดชวนวิวาทสร้างความแตกแยก
“ผมไม่คิดว่าแถลงการณ์ที่เพิ่งออกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นเหตุให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่าสิ่งที่เขาทำมาตลอดหลายปีนั่นล่ะที่ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น”
เหตุประท้วงบานปลายทั่วประเทศชนวนเหตุจากการเสียชีวิตของฟลอยด์ ถือเป็นศึกหนักของทรัมป์ ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐที่ไม่มีภูมิหลังทางการเมืองหรือการทหารมาก่อน หลายคนมองว่า 3 ปีแรกของการบริหารทรัมป์ถือว่าโชคช่วย แต่ปีสุดท้ายนี้โชคไม่ช่วยเสียแล้ว และวันที่ 3 พ.ย.นี้ เขาต้องลงสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง การประท้วงต้านการเหยียดผิวดูจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับคู่แข่งอย่างอดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต
ไบเดนให้คำมั่นว่า หากได้เป็นประธานาธิบดีเขาจะตอบสนองความต้องการชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันตั้งแต่ 100 วันแรกที่รับตำแหน่ง โดยจะตั้งคณะกรรมการตำรวจเข้ามาดูแลปัญหาความรุนแรง
หลายคนเรียกร้องให้ไบเดนเลือกชาวอเมริกันแอฟริกันมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี ซึ่งเขาเผยว่ากำลังพิจารณาหาคนที่เหมาะสม
อดีตรองประธานาธิบดีรายนี้ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวดำ ฐานเสียงสำคัญที่ผู้สมัครพรรคเดโมแครตต้องคว้าไว้ให้ได้เพื่อตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ใช่ว่าไบเดนจะไม่ถูกวิจารณ์เลยในเรื่องสีผิว ในเดือน พ.ค. เขาเจอกระแสโต้กลับตอนที่ไปให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุรายการหนึี่งว่า “คุณไม่ใช่คนดำถ้าคุณคิดจะลงคะแนนให้ทรัมป์” หลังบทสัมภาษณ์ออกอากาศไบเดนต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่