‘อดีตกลาโหมสหรัฐ’ ตำหนิ ‘ทรัมป์’ ส่งทหารปราบประชาชน

นายจิม แมตติส อดีตรมว.กลาโหมของสหรัฐ ออกโรงตำหนิการประทำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวานนี้ (3 มิ.ย.) ในการส่งทหารเข้ารับมือกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความไม่สงบภายในประเทศ ถือเป็นความพยายามสร้างความแตกแยกในสหรัฐ 

"โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในชีวิตของผมที่ไม่พยายามสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชนสหรัฐ ไม่แม้แต่จะเสแสร้งว่าพยายามก็ตาม" นายแมตติสให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร The Atlantic โดยระบุว่า ทรัมป์พยายามจะแบ่งแยกเราออกจากกัน และเรากำลังเห็นผลจากความพยายามอย่างจงใจนี้มาเป็นเวลา 3 ปี” นายแมตติสกล่าว และเขายังได้เปรียบเทียบความพยายามของทรัมป์กับการทำสงครามของสหรัฐกับนาซีเยอรมนี โดยระบุว่า กองทัพสหรัฐได้ถูกเตือนก่อนการบุกนอร์มังดีว่า สโลแกนของนาซีในการทำลายสหรัฐก็คือ “แบ่งแยกและเอาชนะ

ก่อนหน้านี้ นายแมตติสเคยดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมในรัฐบาลของปธน.ทรัมป์ แต่ลาออกจากตำแหน่งในปี 2561

นายแมตติสซึ่งเป็นนายพลนาวิกโยธินที่เกษียณอายุราชการแล้วนั้น ยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ผู้นำกองทัพสหรัฐที่เข้าร่วมถ่ายรูปกับปธน.ทรัมป์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) เพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงอย่างสันติ

“การใช้กำลังทหารที่เราเห็นในวอชิงตัน ดีซีนั้น จะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสังคมทหารและพลเรือน” นายแมตติสระบุ

นอกจากนี้ นายแมตติส  ยังวิพากษ์วิจารณ์นายมาร์ก เอสเปอร์ รมว.กลาโหมสหรัฐและนายพลมาร์ก มิลลีย์ ประธานเสนาธิการร่วมที่ใช้คำว่า พื้นที่รบ (battlespace) ในการเรียกสถานที่ประท้วงในสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การที่ปธน.ทรัมป์ขู่ที่จะใช้กำลังทหารจัดการกับการประท้วง แม้แต่ผู้ว่าการรัฐบางแห่งยังคัดค้านนั้น ได้ทำให้เกิดความวิตกในกองทัพและในสภาครองเกรสของสหรัฐ ซึ่งสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกันเตือนว่า อาจทำให้ทหารตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง