'ขี้นกเทียม' เทคโนโลยีปกป้อง 'สีรถ'
ทำความรู้จัก "ขี้นกเทียม" นวัตกรรมเทคโนโลยีป้องกันสีรถยนต์จากฝีมือ "ฟอร์ด" ที่เลียนแบบจากชี้นกจริง ฟอร์ดทำอย่างไรเพื่อให้สีรถคงทน ติดตามได้จากบทความนี้
“ขี้นก” เป็นปัญหาสำหรับหลายๆ คน เนื่องจากก่อให้เกิดความเสียหายตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หรือรถยนต์ และเชื่อว่าหลายคนคงหัวเสียไม่น้อย เมื่อจอดรถผิดที่ผิดทาง
มีคำแนะนำว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการจอดรถที่เสี่ยงต่อขี้นก แต่โลกปัจจุบันบางทีก็หลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากพฤติกรรมของคนที่ล่านกน้อยลง ทำให้นกขยายพันธุ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมนกเองก็เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก นั่นคืออยู่ใกล้ชิดกับคนมากขึ้น ไม่กลัวคน และยังเข้ามาหากินและอาศัยในเขตเมือง ชุมชน หรือใกล้กับผู้คนมากขึ้น
ขี้นก นอกจากจะทำให้เจ้าของรถรู้สึกขยะแขยง บ้างก็อายเมื่อต้องขับรถไปไหนมาไหน โดยที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด แต่ไม่หมดเท่านั้น มันยังมีผลต่อการสร้างความเสียหายให้กับสีรถยนต์อีกด้วย เพราะมันมีสภาพความเป็นกรด
ในเมื่อขี้นกเริ่มเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรถยนต์ ผู้ผลิตอย่างฟอร์ดก็เลยจัดการศึกษาผลกระทบ และการป้องกัน แต่การจะใช้ขี้นกจริง อาจไม่สะดวกนัก ก็เลยจัดการผลิต “ขี้นกเทียม” ขึ้นมา
"ขี้นกเทียม" สร้างขึ้นจากสารสังเคราะห์ภายในห้องทดลอง ซึ่งฟอร์ดบอกว่าเสมือนจริงมากจนสามารถเลียนแบบสิ่งต่างๆ ที่นกกินเข้าไปได้ แล้วทำให้ออกมาเป็นกรดต่างๆ ปะปนในสาร จากนั้นก็นำมาทดสอบกับชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยการพ่นสเปรย์ และนำไปอบในเตาที่อุณภูมิ 40, 50 และ 60 องศาเซลเซียส เพื่อเลียนแบบการนำรถไปจอดในที่ที่มีความร้อนสูง ทำให้สารป้องกันการกัดกร่อนสีรถถึงขีดจำกัด
ทั้งนี้ขี้นกนั้นมักจะเห็นเป็นสีขาว และดำ แต่ฟอร์ดบอกว่าจริงๆ แล้ว มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง สีขาวคือกรดยูริกที่สร้างขึ้นในทางเดินปัสสาวะของนก จึงเทียบได้กับปัสสาวะส่วนที่เป็นอุจจาระมาจากระบบทางเดินอาหารและร่างกายของนกได้ปลดปล่อยของเสียทั้งสองในเวลาเดียวกันอย่างรวดเร็วมาก จนไม่มีเวลาให้ของเสียทั้งสองผสมกัน
การปล่อยให้ขี้นกเลอะรถอยู่ไม่ใช่ความคิดที่ดี เจ้าของรถควรล้างรถเป็นประจำด้วยฟองน้ำและน้ำอุ่นที่ผสมสบู่ล้างรถค่ากรดเป็นกลาง และค่อยๆ ลบคราบที่ลบง่ายออกจากรถทันที การลงแว็กซ์ปีละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสีรถจะฝ่าฟันสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ โดยที่ยังเงาวับได้นานกว่าเดิม
“เมื่อเราได้เริ่มเอารถออกไปใช้ ย่อมต้องได้จอดทิ้งไว้กลางแจ้ง เป็นไปได้ที่นกจะทิ้งระเบิดใส่รถของเรามากกว่าปกติ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าล้างคราบขี้นกออกไปก่อนที่แดดจะทำให้ล้างไม่ออก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคสามารถวางใจได้ว่าการทดสอบต่างๆ ของฟอร์ด ทำให้มั่นใจได้ว่าสีรถได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุดสารเคลือบที่” อังเดร ธีริก ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมสีรถยนต์ ฟอร์ด ยุโรป กล่าว
ฟอร์ดบอกอีกว่า การทดสอบขี้นก เป็นแค่ขั้นตอนเดียวของการนำชิ้นส่วนที่มีการเคลือบสีมาทดสอบ เพราะยังมีการทดสอบด้วยกรดฟอสเฟอริกผสมกับน้ำยาทำความสะอาด และเกสรดอกไม้สังเคราะห์ที่นำมาพ่นลงบนชิ้นส่วนตัวถัง แล้วนำไปอบในเตาที่ความร้อน 60 และ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที การทดสอบนี้ใช้ป้องกันสสารล่องลอยในอากาศอย่างเกสรดอกไม้ และเศษไม้ที่มียาง
ทั้งนี้ความเสียหายต่อสีรถยนต์ยังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงสภาพอากาศ โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนจะเสี่ยงต่อการเสียหายเป็นพิเศษ สีรถจะปรับเปลี่ยนสภาพและซีดจางลงได้ ในกรณีที่จอดกลางแดดร้อนจัดตลอดเวลา พอเจอความเย็นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในของสี และหากมีรอยสกปรกจากสิ่งปฏิกูล เช่น ขี้นกที่เกาะติดกับพื้นผิวตัวถัง หากทิ้งไว้อย่างนั้น จะกลายเป็นคราบถาวร
ฟอร์ดระบุว่า ฟอร์ด ยังมีวิธีการทดสอบอีกหลายอย่างกับสีรถ เช่น การฉายแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบมาราธอน 6,000 ชม. หรือ 250 วัน ในห้องฉายแสง เพื่อจำลองระยะเวลา 5 ปี ในที่ที่สว่างที่สุดในโลก เพื่อประเมินการกัดกร่อนจากแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังนำไปแช่อุณหภูมิติดลบให้เผชิญกับคราบน้ำแข็งเกาะติดจากฤดูหนาวที่รุนแรงในห้องเกลือความชื้นสูงและทดลองด้วยคราบน้ำมันสำหรับกรณีที่เติมน้ำมันมากเกินไปจนล้นออกมา
“ฟอร์ดใช้กับสีรถมีความสามารถสูงสุดในการต้านปฏิกิริยาจากสิ่งปนเปื้อนในอากาศ และมีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศในทุกรูปแบบ โดยการปรับสูตรสี เรซิน และสารเติมแต่งอื่นๆ ที่ใช้ในการทำสีและเคลือบรถ” ผู้บริหารฟอร์ด กล่าว