'ทวิตเตอร์' ลบ IO จีน กว่า 1.7 แสนบัญชี ปั่นข้อมูลเท็จ 'โควิด'

บริษัททวิตเตอร์ สังคมออนไลน์แบบไมโครบล็อกยอดนิยมของสหรัฐ รายงานวันนี้ (12 มิ.ย.) ว่า ได้กำจัดเครือข่ายบัญชีที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา โดยแบ่งเป็น "บัญชีหลักที่มีความเคลื่อนไหวสูง" 23,750 บัญชี และบัญชีที่คอยขยายความ (ปั่น) เนื้อหาจากบัญชีหลักอีก 150,000 บัญชี รวมเป็นกว่า 173,000 บัญชี

เครือข่ายหลังจะทำหน้าที่รีทวีตหรือแชร์โพสต์ต่าง ๆ จากบัญชีหลักสู่วงกว้าง และไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอื่น ๆ มากนัก

นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังได้ลบบัญชีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอีก 2 กลุ่มที่มุ่งเป้าหมายเป็นผู้ใช้ทวิตเตอร์ในรัสเซียและตุรกี แบ่งเป็นเครือข่ายตุรกี 7,340 บัญชี และเครือข่ายรัสเซียอีก 1,152 บัญชี

โฆษกทวิตเตอร์เผยว่า เครือข่ายที่ถูกลบนี้ "ไม่เกี่ยวข้อง" กับที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงเมื่อเดือน พ.ค. ว่า พบเครือข่ายบัญชีทวิตเตอร์ปลอมที่มีความเป็นไปได้สูงว่าเชื่อมโยงกับจีนกำลังแพร่กระจายข้อกล่าวอ้างเท็จเรื่องโควิด-19 ทวิตเตอร์ยืนยันในเวลานั้นว่า 5,000 บัญชีในเครือข่ายที่กระทรวงต่างประเทศพูดถึง มีองค์กรนอกภาครัฐและผู้สื่อข่าวที่ถูกต้องตามกฎหมาย

แม้ว่าโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค และยูทูบ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ ของสหรัฐต่างถูกบล็อกการใช้งานในจีน แต่มีเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐคอยแพร่กระจายข้อมูลผ่านสื่อเหล่านี้ เช่น ช่วงเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ที่เน้นให้ข้อมูลชี้นำในทางที่ผิดเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในฮ่องกง

บรรดานักวิเคราะห์ของทวิตเตอร์พบว่า ปฏิบัติการในปีนี้ ยังคงเน้นเรื่องฮ่องกงเป็นหลัก เสริมด้วยเรื่องโรคโควิด-19 กรณีนายกัว เหวินกุ้ย มหาเศรษฐีจีนที่ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐ และกรณีไต้หวัน

เครือข่ายเรื่องโควิด-19 ของจีนเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่เชื้อเริ่มระบาดออกนอกจีน และเคลื่อนไหวหนักหน่วงในเดือน มี.ค. บัญชีเหล่านี้ยกย่องจีนเรื่องการรับมือกับไวรัสโคโรน่า ควบคู่ไปกับการนำเรื่องไวรัสมาโจมตีสหรัฐและฮ่องกง

ขณะที่นักการทูตและหน่วยงานทางการทูตของจีนเปิดบัญชีทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊คจำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนทั่วโลก

เดือนที่แล้ว ทวิตเตอร์ได้ทำเครื่องหมายทวีตของโฆษกรัฐบาลจีนที่ว่า กองทัพสหรัฐนำเชื้อไวรัสโคโรน่ามาปล่อยในจีน และเพิ่มการตรวจข้อเท็จจริงกับทวีตต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อยู่พักใหญ่