‘กรมทางหลวง’ สั่งแก้ไขด่วน ปมดราม่า 'ศาลาริมทาง' จุดจอดรถโดยสารศรีสะเกษ-อ.วังหิน

กลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ถึงการก่อสร้าง ศาลานั่งรอรถโดยสารประจำทาง บริเวณทางหลวงหมายเลข 220 ศรีสะเกษ –อ.วังหิน ของกรมทางหลวง ส่งผลทำให้ชาวเน็ตแห่เข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก ว่า “สร้างใหม่สวยงามไร้ประโยชน์  บังแดด-บังฝนไม่ได้ ”

ล่าสุด วันนี้  14 มิ.ย.63 นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า หลังมีการเผยแพร่ข่าวจากสื่อมวลชนที่อ้างถึงข้อมูลที่มีการแชร์จากผู้ใช้ Social Media เป็นภาพงานก่อสร้างศาลาริมทางจุดจอดรถโดยสาร (Bus Stop) ทางหลวงหมายเลข 220 ตอนศรีษะเกษ - อ.วังหิน โดยจากการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ทราบว่า ศาลาริมทางดังกล่าวอยู่ในโครงการก่อสร้างขยายทางเป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 220 จริง ซึ่งงานก่อสร้างเริ่มต้นสัญญาตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 งานเสร็จวันที่ 12 มิถุนายน 2563 (เสร็จก่อนสัญญา) และได้ส่งมอบพื้นที่ให้แขวงทางหลวงศรีสะเกษที่ 1 ดูแลรักษาต่อไป

ส่วนสาเหตุที่มีการก่อสร้างศาลาริมทางลักษณะดังกล่าว มีการชี้แจงว่าถนนสายดังกล่าว แบ่งรูปแบบการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่มีเขตทาง 30 เมตร และ 40 เมตร โดยช่วงเขตทาง 30 เมตร เมื่อก่อสร้างเป็นทางหลวง 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบยกกว้าง 3.00 เมตร จะเหลือพื้นที่จากไหล่ทางจนถึงเขตทางหลวงเพียง 4.00 เมตร ซึ่งไม่สามารถก่อสร้างช่องจอดรถและศาลาทางหลวงแบบเดิมที่มีความกว้างประมาณ 6.25 เมตรได้ จึงจำเป็นต้องก่อสร้างที่พักผู้โดยสารเป็นรูปแบบตามที่ปรากฏ โดยมีความกว้างประมาณ 2.50 เมตรเท่านั้น เพื่อไม่ให้เลยออกนอกเขตทาง

ส่วนช่วงเขตทาง 40 เมตร เมื่อขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบยกกว้าง 4.20 เมตร พร้อมช่องจอดรถโดยสาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการจอดรับผู้โดยสารจะเหลือพื้นที่ก่อสร้างที่พักผู้โดยสาร กว้างประมาณ 4.40 เมตร ซึ่งไม่สามารถก่อสร้างศาลาทางหลวงแบบเดิมที่มีความกว้างประมาณ 6.25 เมตรได้เช่นกัน 

"ได้สั่งแก้ไขปรับปรุงแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยให้มีการทำกันสาดเพิ่มเติมทั้งด้านหน้า ด้านหลัง เพื่อกันแดดกันฝน รวมทั้งการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้ดูร่มรื่นขึ้น" นายสราวุธ กล่าว 

ส่วนประเด็นที่มีการแชร์ภาพศาลาจุดรอรถโดยสารของหมู่บ้านที่มีการก่อสร้างใหม่นั้น  จุดดังกล่าวเดิมมีศาลาที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปี แต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ศาลาหลังเดิมของชาวบ้านโดนลมพายุพัดพังลงมา ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างศาลาขึ้นมาใหม่แทนหลังเดิมที่พัง

ขอบคุณภาพจาก กรมทางหลวง