พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่อยืด 'ผับ-บาร์' รอลุ้น คลายล็อกศุกร์นี้
นายกฯ รับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำเป็นต้องใช้ แต่จะผ่อนคลายลงมา ย้ำกิจกรรมเสี่ยงทำ 100%ไม่ได้ ด้าน “อนุทิน” ย้ำ “แทรเวล บับเบิล” ต้องทำ MOU -ผิดเงื่อนไขยกเลิกทันที ขณะที่ศบค.จ่อถกรับเปิดเทอมศุกร์นี้ “ผับ-บาร์” รอลุ้น
มาตรการคลายล็อกหลังจากประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด19ภายในประเทศติดต่อกันเกิน 28 วัน ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (23 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมว่า แม้ในประเทศจะไม่มีผู้ติดเชื้อมาแล้วต่อเนื่อง 28-29 วันแล้ว จะให้เลิกมาตรการต่างๆก็ต้องดูต่างประเทศว่าและสถานการณ์ทั่วโลกที่ขณะนี้ติดเชื้อจำนวน 9 ล้านคน บางประเทศไม่พบการติดเชื้อ แต่ก็กลับมาพบอีกจากกิจกรรมความเสี่ยงสูงรวมถึงการเปิดประเทศ
“ถ้าเราอยากทำงานได้มีอาชีพมีรายได้ก็ต้องป้องกัน สถานประกอบการต่างๆ ขอผ่อนปรนมา ก็เห็นใจแต่ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมของท่านเองด้วย นอกจากมาตรการของรัฐมันอาจไม่เหมือนเดิม New Normal เล่นดนตรีสดอาจมีที่กั้น จะปล่อย 100%ไม่ได้ ขณะที่การท่องเที่ยวก็ต้องพิจารณา โดยในประเทศสามารถทำได้ก่อน ส่วนต่างประเทศก็ต้องดูความเหมาะสมของห้วงเวลา”
ส่วนการพิจารณาต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) นั้นกำลังพิจารณาอยู่มันมีความจำเป็นก็ต้องใช้ เพราะสิ่งที่เกิดวันนี้ก็เพราะพ.ร.ก.ฉุกเฉินถึงได้ปลอดภัยอยู่ตอนนี้ แต่จะพยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด
“แทรเวลบับเบิล” ต้องทำเอ็มโอยู
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการจับคู่ประเทศหรือ แทรเวลบับเบิล ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้พูดคุยกับหลายประเทศ และได้ร่างเงื่อนไขต่างๆ ที่แต่ละประเทศจะยอมรับเพื่อควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่จะเดินทางเข้ามา ต้องเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็น มีความปลอดภัยสูง ต้องเปิดเผยว่าอยู่กี่วัน อยู่ที่ไหนบ้าง ไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยว และต้องยอมรับมาตรการของไทย โดยจะต้องเซ็น MOU ระหว่างกัน วาง เงื่อนไขต่างๆให้ชัดเจน หากมีการผิดเงื่อนไขก็สามารถยกเลิก MOU ได้ทันที
“ส่วนประเทศที่พบการระบาดในประเทศ ก็คุยกันยากขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้ามีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งเป็นการนำเข้ามาแล้วคุมโรคได้ เช่นที่เกิดกับไทย แบบนั้น ยังคุยกันได้ หลักของเรื่องนี้ คือ คนไทยต้องปลอดภัยด้วย”
อย่างไรก็ดีเรื่องแทรเวล บับเบิล ยังไม่เข้าที่ประชุม ครม.เพราะต้องเสนอให้ ศบค.พิจารณาก่อน น่าจะเสนอในวันศุกร์นี้ ส่วนเรื่อง พรก.ฉุกเฉิน เป็นการพิจารณาของ ศบค.กระทรวงสาธารณสุข จะนำเสนอข้อมูลในมุมต่างๆ แต่จะไม่ชี้นำ
ขณะที่ความคืบหน้าของวัคซีนที่ไทยผลิต ทีมแพทย์จุฬาฯ และบริษัทเอกชน ผ่านขั้นตอนทดลองในหนูแล้ว ก็ต้องไปศึกษาในสัตว์ที่ใหญ่ขึ้น ทางกระทรวงสนับสนุนการค้นคว้าอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ วัคซีนของไทย ไม่ได้คำนึงว่าต้องเสร็จเร็วที่สุด แต่ต้องเสร็จ และต้องมีความปลอดภัยควบคู่กันไป
ศบค.จ่อถกรับเปิดเรียน26มิ.ย.
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ระบุความคืบหน้าการพิจารณาวันหยุดว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบถึงปฏิทินวันหยุดในช่วงต้นเดือน ก.ค. โดยในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาจะมีการหยุดชดเชยสำหรับข้าราชการ โดยจะชดเชยเป็นวันจันทร์ที่ 6 และวันอังคารที่ 7 ก.ค. ส่วนเอกชนจะได้ชดเชยวันจันทร์ที่ 6 ก.ค. ส่วนการประชุม ครม.จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 8 ก.ค.ซึ่งเป็นการใช้วันหยุดชดเชยตามปกติ โดยไม่ใช่การใช้โควตาวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ 3 วัน ที่เลื่อนออกไป
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค. ในวันที่26 มิ.ย.นี้ จะจะประชุมเตรียมความพร้อมเรื่องการเปิดเรียนเป็นหลัก และประเมินการผ่อนคลายในระยะที่ 4 โดยมีเรื่องของการผ่อนคลายกิจกรรมภาคเศรษฐกิจในระยะต่อจากนี้ ได้แก่ ผับ บาร์ กิจกรรมที่มีความเสี่ยง หรือที่ยังตกค้างไม่ได้เปิดส่วนการชดเชยวันหยุด ทางคณะกรรมการกลั่นกรอง ไม่ได้เสนอประเด็นนี้มาพิจารณา
ติดเชื้อเพิ่ม5รายกลับจาก2ปท.
วันเดียวกัน พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19ประจำวันว่าประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 5 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,156 รายไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มรวมยอดผู้เสียชีวิต 58 รายผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,023 รายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 75 ราย ผู้ป่วยใหม่ทั้ง 5 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ อียิปต์ 2 ราย และกาตาร์ 3 ราย โดยทั้งหมดเข้าสู่ State Quarantine แล้ว
ส่วน พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะ ผอ.ศบค.กทม. เป็นประธานประชุมเพื่อหารือถึงการเฝ้าระวังโรคโดยการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19เชิงรุกในประชากรกลุ่มเสี่ยงและสถานที่เสี่ยงซึ่ง กทม.ได้รับการสนับสนุนชุดทดสอบจากกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 15,210 ชุดและได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.สรุปผลการดำเนินงานถึงวันที่ 20 มิ.ย.ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจแล้วทั้งสิ้น 16,235 รายการสุ่มตรวจคิดเป็นร้อยละ 106.74 จากยอดชุดตรวจที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขโดยตรวจไม่พบเชื้อ 11,246 ราย อยู่ระหว่างรอผล 4,989 ราย