ปตท.เล็งเพิ่มสัดส่วนการลงทุนธุรกิจใหม่แตะ10%หนุนมาร์จินระยะยาว

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยในงานสัมมนา “ส่องหุ้นไทย ฝ่าวิกฤติโควิด” ที่จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ช่วงหัวข้อ “ล้วงลึกหุ้นมหาชน ฝ่าโควิด” ว่า ปตท.ยังเดินหน้าลงทุนตามแผนระยะ 5 ปี วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยจะเพิ่มพอร์ตการลงทุนธุรกิจใหม่ เป็น 10% ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8% แม้ว่าธุรกิจใหม่จะมีรายได้ไม่สูงนัก แต่มาร์จินจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งในส่วนของธุรกิจใหม่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามาเสริมสร้างการเติบโตของฐานธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจน้ำมัน รวมถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ยังเป็นธุรกิจที่เติบโตได้อย่างมีอนาคต

ทั้งนี้ ปตท.ได้วางแนวทางบริหารจัดการธุรกิจใน ระยะสั้น เพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 และฟื้นฟูธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ PTT ร่วมกับแนวคิด PTT หรือที่เรียกว่า PTT by PTT ประกอบด้วย Partnership and Platform เน้นการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจ ,Technology for All เทคโนโลยีที่เกิดจากการผสมผสานด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม และดิจิทัล และ Transparency and Sustainability สร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ

โดยในส่วนของธุรกิจสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม จะเน้นออกไปต่างประเทศมากขึ้น และต้องลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ธุรกิจโรงกลั่น ตั้งเป้าหมายจะเป็นโรงกลั่นลำดับต้นของอุตสาหกรรมที่อยู่รอด หรือจะตายเป็นคนสุดท้ายของธุรกิจ ด้านธุรกิจปิโตรเคมี จะต้องประคองธุรกิจรับกับทิศทางที่ปรับขึ้นและลงตามสภาวะตลาด รวมถึงต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม

ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า จะต้องเพิ่มการเติบโตในต่างประเทศ และอาจเห็นการจับมือกับพันธมิตรมากขึ้น ซึ่งในอนาคตธุรกิจไฟฟ้าจะต้องปรับโครงสร้างระหว่างเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนกับพลังงานฟอสซิล

อย่างไรก็ตาม ปตท.ถือเป็นธุรกิจพลังงานครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ ที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ 2.1 ล้านล้าบบาท หรือ มีมาร์เก็ตแคป 14% และมีรายได้คิดเป็น 13% ของ GDP ประเทศ ดังนั้นการดำเนินงานต่างๆของปตท. จะมี่ผลสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต