'ฝ่ายค้าน' แจง ชงนับองค์ประชุมเป็นการให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ
"ฝ่ายค้าน" แจง เหตุเสนอนับองค์ประชุมเป็นการยกระดับให้ รบ. เห็นความสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ เตือน จะยกระดับเพิ่ม หากยังละเลยอีก
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 63 นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงภายหลังเกิดเหตุการณ์สภาล่มครั้งแรก ในสมัยประชุมครั้งที่ 2 ในการพิจารณาแผนรายงานการปฏิรูปประเทศ
โดย นายสุทิน บอกว่า การปฏิรูปประเทศคือคำมั่นสัญญาของรัฐบาล และเป็นข้ออ้างก่อนการยึดอำนาจเช่น อ้างว่าต้องมี ส.ว. ช่วงเปลี่ยนผ่าน และเป็นข้ออ้างหลายๆ อย่างจนสังคมให้โอกาส ฝ่ายค้านให้ความร่วมมือ ซึ่งในการรายงานแผนการปฏิรูปทุก 3 เดือนนั้น เราให้ความร่วมมือมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ ทุกภาคส่วนเห็นว่าการปฏิรูปไม่เกิด แม้แต่พันธมิตรที่สนับสนุนรัฐบาลก็ผิดหวัง และแม้กระทั่ง ส.ว.ยังออกมาพูดให้รัฐบาลปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งเราต้องการสะท้อนเสียงของสังคมผ่านไปยังรัฐบาล แต่รัฐบาลทำเสมือนใช้สภาเป็นตรายางให้ มาครั้งนี้ รัฐบาล และ ส.ส.ฟากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ ไม่เข้าร่วมประชุม ทำให้เราเสนอนับองค์ประชุมจนสภาล่ม ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ฝ่ายค้านหวังว่า จะเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลตระหนักคิดได้ว่าจะเอาอย่างไรกับการปฏิรูปต่อ และเชื่อว่าสังคมจะเข้าใจเรา ทั้งนี้ การนับองค์ประชุม และการ์วอล์กเอาต์ เป็นการกระตุ้นเตือน แต่ถ้ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญอีกเราก็จะยกระดับให้มากขึ้น
ด้าน นพ.ชลน่าน บอกเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นร่วมจากการประชุมวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าเสียงสะท้อนจากประชาชนที่เฝ้าติดตามการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลพบว่าผลการปฏิบัติจริงๆ ไม่เกิดขึ้นเลย อยู่ในขั้นตอนการจัดทำแผนปฎิรูป นำแผนปฏิรูปไปปรับปรุงซึ่งไม่ขยับเขยื้อน ในรัฐธรรมนูญประกาศใช้เมื่อปี 2560 กฎหมายแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศออก 26 กรกฎาคม 2560 หลังจากนั้นให้ดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายแต่เท่าที่เราติดตามตรวจสอบ 2-3 ครั้งที่เรารับทราบรายงานก็มีข้อเสนอแนะข้อท้วงติงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ซึ่งเดิมเขาไม่สนใจส่งฝ่ายปฏิบัติคือ สำนักงานสภาพัฒน์ ในฐานะเป็นฝ่ายเลขาฯ นำรายงานมาเสนอต่อสภา ทั้งที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเขียนว่าคณะรัฐมนตรีนำเสนอต่อรัฐสภา ซึ่งเสนอแยกระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและรายงานวุฒิสภา ซึ่งเขาได้เขียนกฎหมายแผนและขั้นตอนรองรับ ว่าผลสัมฤทธิ์ ตัวชี้วัดเป้าหมายจะรายงานในรอบปีซึ่งไม่สอดคล้อง กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้ติดตามทุก 3 เดือนว่าก้าวหน้าอย่างไร ดังนั้นวันนี้ฝ่ายค้านจึงใช้กลไกของสภา ในการบอกกล่าวกับคณะรัฐมนตรี ผ่านประธานสภา ซึ่งการนับองค์ประชุมถือเป็นมาตรการที่เบาที่สุด ทั้งนี้ ถ้าหากองค์ประชุมครบถือว่าเราพร้อมที่จะตรวจสอบรายงานนี้ได้ตลอด ซึ่งขออย่าใช้เราเป็นตรายาง แต่หากไม่มีความพร้อมแม้แต่ ส.ส. ซีกของรัฐบาลก็ยังไม่ให้ความสำคัญ จึงออกมาในรูปแบบนี้ อย่างไรก็ตาม หากองค์ประชุมครบในวันนี้มาตรการต่อไปเราจะวอล์กเอาต์เพื่อแสดงให้เห็นว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมแต่เพียงมาตรการแรกเราก็ประสบความสำเร็จแล้ว
ขณะที่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้ตั้งใจขอนับองค์ประชุม แต่รัฐบาลละเลย ในขณะที่เราเฝ้าสภาตลอดเพราะที่ผ่านมาเราเคยชินกับการเป็นรัฐบาล ทั้งนี้ การปฏิรูปเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐมนตรี และ ส.ส.ซีกรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ มูลเหตุการรัฐประหารก็เพราะท่านอ้างเรื่องการปฏิรูป แต่ท้ายที่สุดท่านกลับทำเป็นเพียงเอกสารรูทีนเข้ามาให้สภาพิจารณาเท่านั้น ซึ่งเหมือนไม่ให้เกียรติสภา และฝ่ายค้าน ในขณะที่เราตั้งใจทำงานให้ประเทศ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้รัฐบาลเข้าใจ และตระหนักว่าสภาคือองค์กรที่สำคัญ